เดินเทรล สัมผัสความบริสุทธิ์ของป่าบน ภูเขามารุยามะ

วันสุดท้ายของทริปฮอกไกโด (Hokkaido) หน้าร้อน ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทยในเช้าวันรุ่งขึ้น เรายังคงอยู่ในเมืองซัปโปโร (Sapporo) และได้แพลนที่จะไปกินอาหารเช้า จริงๆแล้วช่วงสายกันที่ตลาดนิโจ (Nijo Market) ซึ่งเป็นแหล่งที่รวบรวมอาหารทะเลอร่อยสดๆ มากมาย โดยเฉพาะปู รวมถึงร้านอาหารประเภทอื่นๆ และร้านผลไม้อีกด้วย

การไปที่นั่น เราก็ยังคงเดินเท้าของเราเหมือนเคย เดินไปเรื่อยๆ ตรงใจกลางเมืองซัปโปโร ผ่านทางลงไปใต้ดินของ Pole Town และ Aurora Town ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งใต้ดินที่มีชื่อเสียงของที่นี่ มาจากสถานีโอโดริ (Odori Station) ระหว่างเส้นทางรถไฟของสายนัมโบกุ (Nambuko Line) และสายโทไซ (Tozai Line) Pole Town อยู่ทางทิศใต้ ขณะที่ Aurora Town อยู่ทางทิศตะวันออก

ก่อนที่เราจะเดินทะลุผ่านถนนย่านทานุกิโคจิ (Tanuki Koji) ที่ประดับแผ่นป้ายต่างๆ ตลอดทางเดินนั้น MRBADBOY ได้พบสถานีรถราง (streetcar) พร้อมกับเส้นทางเดินรถรางที่ติดไว้บนผนังด้านในตรงที่นั่งรอสำหรับผู้โดยสาร ก็คิดอยู่ว่า อาจจะใช้บริการลองนั่งเที่ยวดูบ้าง แต่ก็ลืมจนได้

เราก็มาถึงตลาดปลานิโจและเดินหาร้านอาหารทะเลชื่อ Ohiso ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมสี่แยก ระหว่างรอคิวอยู่นั้น MRBADBOY ได้เดินถ่ายรูปหน้าร้านและได้เหลือบไปเห็นป้ายภาษาไทย ว่า “ยินดีต้อนรับ อาหารสดจริงๆ อร่อยทุกอย่าง ลองเข้ามาชิมค่ะ ห้องน้ำสะอาด” และ “โออิชิมากๆ ต้องมาให้ได้นะคะ” แสดงว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาร้านนี้บ่อย มีเมนูอาหารโชว์หน้าร้านให้ดูเล่นๆ

เราได้โต๊ะข้างๆ ประตูเข้าออก อาหารที่นี่น่ากินหลายอย่าง โดยเฉพาะข้าวหน้าอาหารทะเล พวกปู หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน และซุปมิโสะปู ราคาไม่แรง สมเหตุสมผล

แต่ครั้งนี้ MRBADBOY ไม่ได้จัดพวกนี้เหมือนวันก่อนๆ เพราะว่า อยากกินอย่างอื่นบ้าง ได้สั่งเมนูใหม่ของที่นี่คือ ท้องปลาแซลมอนย่างเทอริยากิ (toro salmon teriyaki) ราคา 1,200 เยน และ 1,400 เยนพร้อมเซ็ทข้าว ประกอบไปด้วยซุปและปลาหมึก ไม่รู้ว่าทำเป็นอะไร พออาหารที่สั่งได้ถูกยกมา ว้าว ท้องปลาชิ้นใหญ่มากกว่าที่คิด และได้สั่งเพิ่มอีกอย่างคือ กราแตงปู (crab gratin) ว้าว รสมันๆ อร่อย

ไม่ใช่แค่ร้านนี้เท่านั้นที่มีภาษาไทย ร้านอื่นๆ ก็มีเช่น “เร่เข้ามา … เร่เข้ามา ร้านนี้อร่อย ฟินเว่อ”

หลังจากนั้น เรากิเดินไปที่สถานีโอโดริ เพียง 5 นาทีเท่านั้น และนั่งไปลงที่สถานี Maruyama Koen เพียง 3 สถานีเท่านั้น แล้วเราเดินออกจากสถานีไปทางสวนสาธารณะมารุยามะ (Maruyama Park หรือ Koen) สวนสัตว์มารุยามะ (Maruyama Zoo) และศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine)

เราได้เห็นสัญลักษณ์ของสัคว์ต่างๆ ระหว่างทางเดินใต้ดิน เช่น เสือ สิงโต อูฐ สุนัขจิ้งจอก หมี นกต่างๆ จระเข้ และลิง

ออกมาแล้ว ก็เดินตามป้าย ง่ายจริงๆ ไม่ไกลนัก เราก็มาถึงสวนสาธารณะมิรุยามะ MRBADBOY และเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ขอแยกทางตรงทางแยกนี้ เพราะว่าจะไปเดินเทรลไปยังยอดเขามารุยามา (Summit of Mt Maruyama) ขณะที่เพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่งไปศาลเจ้าฮอกไกโด

เส้นทางเทรลนี้ถือว่าง่ายที่สุดสำหรับนักเดินเขามือใหม่มีความสูงเพียง 225 เมตรเท่านั้นจากระดับน้ำทะเล และได้กำหนดให้เป็นสิ่งอนุรักษ์ตามธรรมชาติในปี 1921 สามารถเพลิดเพลินกับป่าบริสุทธิ์ที่ยังสมบูรณ์ตามธรรมชาติและปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีไปทั่วภูเขา เช่นต้นยูดาสญี่ปุ่น (Japanese judas tree) ที่ปลูกอยู่ตีนเขา และต้นโอ๊กมองโกเลีย (Mongolian oak tree) ที่ปลูกอยู่บนยอดเขา รวมทั้งต้นไม้ดอกเหลือง (Japanese linen) และ ต้นเมเปิลเหลือง (Acer pictum) ที่กระจัดกระจายบนเขา

เส้นเทรลมารุยามะนี้ มี 2 เส้นทาง คือมารุยามะฮาจิจูฮักกะโช (Maruyama Hachijuhakkasho Course) ประมาณ 1 กิโลเมตร และ สวนสัตว์ (Zoo Course) ประมาณ 800 เมตร แต่มี 3 จุดเริ่มต้น คือ Maruayama Hachijūhakkasho Trailhead, Zoo Trailhead และ Maruyama Nishi-machi Trailhead. ส่วนใหญ่นักเดินเขาจะเริ่มจากเส้นทางมารุยามะฮาจิจูฮักกะโช เพราะว่าใกล้สถานีรถไฟใต้ดินมาที่สุด ใช้เวลาเดินเขาประมาณ 30-40 นาที และลงเขาประมาณ 20 นาที

MRBADBOY เลือกเส้นทางเทรลที่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินด้วยเหมือนกัน เดินมาถึงศาลเจ้าเล็กๆ พร้อมกับป้ายบอกเส้นทางเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว

จุดเริ่มต้นของมารุยามะเทรลนั้น คือทางเดินไม้ที่ถูกออกแบบไปกับต้นไม้สูงใหญ่

ข้ามสะพานลำธารน้ำ จากแม่น้ำมารุยามะ ทำให้เกิดรู้สึกถึงความเย็นสดชื่น

เส้นทางเดินสลับกัน ระหว่าง หิน ดิน และบันไดไม้

จะมีป้ายบอกระยะทางด้วย

แล้วเราก็มาถึงยอดเขามารุยามะที่เป็นก้อนหิน กับแท่งเสาที่บอกความสูง 225 เมตร เราสามารถมองเห็นเมืองซัปโปโรได้อย่างชัดเจน

ถ่ายรูปเรียบร้อย ก็ได้เวลาลงเขาละ MRBADBOY ระหว่างทางได้เห็นรูปสลักหินพระพุทธรูปมากมาย รวมทั้งพระกษิติครรภ์และพระโพธิสัตว์กวนอิม จากข้อมูลบอกไว้ว่า มีประมาณ 200 องค์ที่วางกระจายตามจุดเส้นทางต่างๆ ดังนั้นที่นี่ทำใมถึงถูกเรียกว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

ลงจากเขาแล้วก็มาขึ้นรถไฟกลับเข้าไปในตัวเมือง เพื่อจะช้อปปิ้งก่อนกลับเช้าวันรุ่งขึ้น และไปเดินเที่ยวต่อที่ถนนช้อปปิ้งทานุกิโคจิ แล้วได้หากินอะไรกินเล่นๆ ทาโกะยากิ (Takoyaki) พร้อมกับเครื่องดื่มแถมข้าวโพดคั่วฟรี หลังจากนั้นก็เดินทางกลับเข้าที่พัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *