โอตารุ ไม่พลาดถนนช้อปปิ้งซาคาอิมาจิ และวิวบนเขาเทนกุยามะ

วันที่สอง ณ เมืองโอตารุ จุดหมายแรกของเราเช้านี้ คือ ตลาดเช้ารินยู (Rinyu Morning Market) เราใช้เวลาเดินกันยาวๆ ไป และถ่ายรูปไปเรื่อยๆ และได้พบเห็นอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่ถูกอนุรักษ์ไว้มากมาย ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมและยกย่อง มากไปกว่านี้ ทำให้เราได้รับรู้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์อีกด้วย จากแผ่นป้ายข้อมูลที่ได้ถูกทำไว้อย่างชัดเจน

ก่อนที่จะเริ่มต้นเดิน MRBADBOY ได้ยืนอ่านป้ายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองโอตารุสักเล็กน้อย เมืองโอตารุได้ประกาศตามพระราชกฤษฎีกาที่อนุรักษ์และปรับปรุงภูมิประเทศทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ทำให้เมืองนี้เป็น เขตชมวิวทางประวัติศาสตร์ เขตนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 15 พื้นที่ แต่ละพื้นที่มีมาตรฐานของมันเองและอยู่ในการพิจารณาของความสวยงามทางธรรมชาติของพื้นที่เมืองโอตารุ

เดินไปสักพัก ก็เจอร้านขายเหล้า Tanaka Brewery Shop ที่ถูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลังขึ้นในปี 1927 เป็นหนึ่งของร้านสาเกสไตล์ญี่ปุ่นในยุคสมัยโชวะตอนต้นที่เหลืออยู่ไม่มากทุกวันนี้ เนื่องจาก โอตารุเป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับเมืองซัปโปโรด้วย ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าเมืองโอตารุจะเต็มไปด้วยโกดังมากมาย ซึ่งปัจจุบันนี้ ได้ถูกนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบของ live theatre and café ภายใต้ชื่อว่า Otaru Goldstone หรือ Press Café ร้านคาเฟและร้านอาหารสไตล์เรโทร

เดินเลียบคลองไปเรื่อยๆ เจอสวนสาธารณะริมคลอง ที่ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเป็นสิ่งที่ช่วยเตือนความจำของอ่าวเล็กๆ Funairima ที่ถูกใช้เฉพาะบริษัทธุรกิจขนส่งสินค้า Nihon Yusen Company สาขาโอตารุ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้กลับกลายเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมสำคัญระดับชาติไปแล้ว

ร้านไอศกรีมที่ดูแปลกตาดี เพราะว่ากำแพงด้านนอกถูกแขวนห้อยไปด้วยแผ่นป้ายไม้กับข้อความของลูกค้าที่มาใช้บริการ แล้วเราก็มาถึงตลาดเช้ารินยู ซึ่งเป็นตลาดปลาไม่ใหญ่นัก ที่นี่ เราทานอาหารเช้าที่ร้านหนึ่ง MRBADBOY เลือกข้าวชุดเทมปุระราคา 850 เยน ง่ายๆ เบาๆ ก่อนที่เดินย้อนกลับมาทางเดิม เพื่อจะไปเดินเที่ยวอีกฝั่งหนึ่ง บนถนนช้อปปิ้งซาคาอิมาจิโดริ (Sakaimachi Dori)

หลังจากเดินมาถึงถนนหลักจูโอโดริ (Chuo Dori) แล้วเลี้ยวขวาไปทางสถานีโอตารุ ก่อนที่เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนช้อปปิ้งมิยาโกะ (Miyako Dori) ที่ประดับไปด้วยพู่ห้อยสีสันสวยงาม มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเกม และอื่น รวมถึงร้านเช่าจักรยานด้วย เมื่อเดินทะลุถึงถนนใหญ่อีกด้าน ก็เลี้ยวซ้ายตรงไปยังอาคารเก่าแก่ที่มีความงามทางสถาปัตยกรรม คืออดีตธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (Bank of Japan) พวกเราไม่ลังเลที่จะเข้าไปชม เพราะว่างานนี้ชมฟรี

ธนาคารเก่าแก่นี้ ได้ก่อสร้างด้วยอิฐในปี 1912 โดยสถาปนิก Kingo Tatsuno ผู้ซึ่งได้ออกแบบสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียวและอาคารอิฐแดงของสถานีโตเกียวด้วยเหมือนกัน ภายในอาคารเก่าแก่นี้ เราก็รับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ การก่อสร้าง สัญลักษณ์ที่พิมพ์บนธนบัตร ตัวธนบัตรและเหรียญในยุคต่างๆ และที่น่าสนใจ คือนักท่องเที่ยวแหย่มือลงไปในกล่องใสและยกธนบัตรจริง 100 ล้านเยน น้ำหนัก 10 กิโลกรัม พร้อมกับเป็นจุดให้ถ่ายรูปด้วย ว้าว MRBADBOY ได้จับเงิน 100 ล้านเยนด้วยนะ

ออกจากธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น เลี้ยวขวาและเดินไปตามถนนจะเจออาคารเก่าแก่ของธนาคารไดอิชิ (Dai-Ichi Kangyo Bank) ที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กขึ้นในปี 1924ปัจจุบันได้ถูกใช้เป็นโรงงานเสื้อผ้าไปแล้ว แต่ชั้นสองยังคงเก็บความทรงจำในอดีตไว้ เดินต่อไปสักพัก ก็มาถึงถนนช้อปปิ้งซาคาอิมาจิโดริ เราจะเจอร้านค้าส่งนาฬิกาเก่าแก่ Iwanaga Clock Store ระหว่างปี 1897-1906 MRBADBOY ได้เห็นรูปแกะสลักปลาคาร์ฟในตำนานสองตัวคนละมุมบนหลังคา หรือที่เรียกว่า shachihoko ที่มีหัวเป็นเสือและตัวเป็นปลา ที่เชื่อกันว่าไว้ใช้เรียกฝน นอกจากนี้ ยังมีบริษัทข้าวที่สร้างก่อนปี 1909 หรือในสมัยเมจิ โกดังปลาเฮอริ่ง Kimura Warehouse ในปี 1891และบริษัทค้าข้าวที่มีชื่อเสียงและตัวแทนจำหน่าย Kyosei ในปี 1891 ปัจจุบันนี้ได้กลับมามีชีวิตใหม่ เป็นร้านขายกล่องดนตรี

สองข้างทางถนนซาคาอิมาจิโดริ น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก อาคารบ้านเรือนยังคงอนุรักษ์และปรับปรุงให้มีชีวิตใหม่ รวมทั้งอาคารทันสมัยในยุคปัจจุบันนี้ ทั้งร้านอาหาร ร้านคาเฟรูปแบบต่างๆ ร้านขายของที่ระลึก อาร์ตแกลเลอรี่ ศิลปะบนแก้วเช่น Italian Modern Art Glass, Lavender & Poppy ที่แก้วสามารถเปลี่ยนสีเมื่อใส่น้ำร้อนและน้ำเย็น และ Kitaichi Sangokan ขายภาชนะที่ทำจากแก้ว ที่นี่ MRBADBOY ได้เข้าไปในร้านขนมคิตาคาโร่ (Kitakaro) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และได้ลิ้มลองชูว์ครีม (choux cream) ชิ้นใหญ่ แป้งบาง ไส้ทะลัก อร่อยจริงๆ

ร้านเลอทาโอะ (LeTao) ซึ่งเป็นเป้าหมายของเรา เป็นร้านดังออริจินัลสาขาโอตารุ ใกล้แยก Marchen Square ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Orgal Museum) ชั้นล่างของร้านชีสเค้กนี้จำหน่ายเมนูขนมหวานและเค้กมากมาย แต่ส่วนคาเฟ่อยู่ชั้นสอง เนื่องจากเป็นร้านดัง ดังนั้นเราก็ต้องรอคิวพอสมควร MRBADBOY ได้สั่งเค้กหนึ่งชิ้นแต่จำชื่อไม่ได้ พร้อมกับชาผลไม้ร้อนๆ หนึ่งกา

หลังจากอิ่มเอมกับชีสเค้กแล้ว MRBADBOY ก็ได้เดินข้ามไปร้านจำหน่ายกล่องดนตรีและได้เจอรุ่นพิเศษสำหรับ ยูซูรุ ฮานิว Yuzuru Hanyu เจ้าชายแห่งลานสเก็ตน้ำแข็งชาวญี่ปุ่น ปัจจุบันเขาเป็นนักสเก็ตลีลาชายอันดับหนึ่งของโลก และนักสเก็ตลีลาจากเอเชียคนแรกที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก ข้างๆ อาคารนี้ มีหอนาฬิกาไอน้ำ (steam clock) ที่จะส่งเสียงบอกเวลาทุกๆ 15 นาที มันได้ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ทำเครื่องบอกเวลาชาวแคนาเดียน Raymond L Saunders ในปี 1977

ที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ คือการนั่งกระเช้าไฟฟ้า (ropeway) ขึ้นไปบนเขาเทนกุยามะ (Mt Tenguyama) ในราคา 1140 เยนไปกลับ เพื่อมองเห็นวิว 360 องศา ของเมืองโอตารุ ท่าเรือ และอ่าวอิชิการิ (Ishikari Bay) ทะเลญี่ปุ่นได้อย่างสวยงาม ที่นี่เป็น 1 ใน 3 ทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของฮอกไกโด

หลังจากที่ MRBADBOY ได้ทึ่งกับวิวบนหอสังเกตการณ์บนดาดฟ้าโดยรอบแล้ว ก็ไปดูวิวอีกสองจุด ระหว่างทางเดินเทรลสั้นๆ เป็นวงกลม ที่เราต้องผ่านรูปปั้นหัวเทนกุและศาลเจ้า ขณะที่เดินอยู่ในป่า ได้สังเกตเห็นมีร่องทางยาวขนานกับทางเดิน จริงๆ แล้วมันคือ ช่องทางสำหรับรถเลื่อนหิมะ เมื่อออกมาแล้ว ก็เข้าไปดูตัวชิปมังก์ ซึ่งเป็นกระรอกชนิดหนึ่งในกรง

เรารอดูวิวกลางคืนที่มีแสงไฟระยิบระยับของเมืองสักพัก ก็เตรียมตัวเดินทางกลับเข้าเมือง และหาอาหารเย็นของเรากินก่อนเข้าที่พัก แต่ก็ไม่ลืมที่จะซดเบียร์คราฟฟรีๆ อีกหนึ่งแก้วก่อนนอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *