เป็นครั้งที่สองแล้วที่ MRBADBOY ได้ร่วมกิจกรรมดีๆกับ “ปั่นปันรัก พักเมืองรอง” ครั้งนี้เป็นสนามที่ 8 ได้จัดขึ้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ หรือที่เรารู้จักในนาม เมืองลับแล เหมือนเช่นที่ผ่านมา MRBADBOY และนักปั่นคนอื่นๆที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆ ลิ้มรสอาหารพื้นเมืองและผลไม้ประจำจังหวัด และที่สำคัญได้สัมผัสวิถีชุมชนชาวเมืองลับแลด้วย
การเดินทางมาจังหวัดอุตรดิตถ์นี้ค่อนข้างจะไกลและใช้เวลานานพอสมควร ถึงแม้ว่า MRBADBOY จะนั่งรถมาก็ตาม แต่เพื่อนขับ ก็เมื่อยมากเพราะใช้เวลาในขับรถไป 5.30 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงเมืองลับแลนี้ก็มืดค่ำ
MRBADBOY ได้ตื่นตี 5.30 น. เพื่อที่จะออกไปภึงจุด start/finish เวลา 6 โมงเช้าที่ถนนหน้าสนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหักและอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติของท่านในความองอาจ กล้าหาญ รักชาติและเสียสละ ปี พ.ศ. 2316 เมื่อครั้งพระยาพิชัยครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรี พม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัยได้ยกทัพไปสกัดทัพพม่าจนแตกพ่ายกลับไป การรบในครั้งนั้นดาบคู่มือของพระยาพิชัยได้หักไปหนึ่งเล่ม แต่ก็ยังได้ชัยชนะ กิจกรรมครั้งนี้มีเหล่านักปั่นมาจากที่ต่างๆกำลังประกอบรถจักรยานของตัวเอง ทั้งเสือหมอบ เสือภูเขา และจักรยานพับ ก่อนมาทานของว่างยามเช้ากับเมนูพื้นเมืองของจังหวัดคือ หมี่พันลับแล ของกินติดบ้านติดเรือนของคนลับแล
หลังจากเสร็จพิธีการแล้ว ก็ได้เวลาปล่อยตัวนักปั่นที่จะปั่นบนเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดพัก 4 จุดในระยะทาง 46 กิโลเมตร กิจกรรม ปั่นปันรัก พักเมืองรอง นี้ยังเป็นการท่องเที่ยวที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ครอบครัวและนักปั่นคนอื่นๆ MRBADBOY ได้สังเกตเห็นบางครอบครัวปั่นไปพร้อมกันพ่อแม่และลูก บางครอบครัวก็ปั่นแบบจักรยานสองที่นั่งหรือที่เรียกว่า tandem คือพ่อและลูก แต่บางคู่ นักปั่นเอาน้องหมาใส่เป้ข้างหลังและปั่นไปด้วยกัน
เส้นทางจะเป็นทางราบและมีเนินซึมยาว จนมาถึงจุดพักที่หนึ่ง ที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ เดิมชื่อ วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า หรือเขาทอง บ้านพระแท่น ปี พ.ศ. 2283 ทางราชการได้นำพระแท่นศิลาอาสน์ไปประดิษฐานไว้ในตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสและความสำคัญขององค์พระแท่นศิลาอาสน์ได้เป็นอย่างดี และในปี พ.ศ. 2549 วัดพระแท่นศิลาอาสน์ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี สังกัดธรรมยุตินิกาย ภายในบริเวณวัด นักปั่นหลายคนได้เข้าแถวกันเพื่อไปกราบสักการะพระพุทธรูปที่เหลืองทองอร่าม และบางคนอาจจะแวะชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นบ้าง เป็นที่แสดงเครื่องมือจับสัตว์น้ำโบราณ เรือพายโบราณ ชีวิตชาววัง ชาวบ้านสมัยก่อน และเครื่องสังคโลกสมัยสุโขทัย
ก่อนที่มาถึงจุดที่สองค่อนข้างจะไกลและต้องผ่านเนินด้วย ทำให้นักปั่นบางคนต้องเดินเข็ญ แต่แล้วในที่สุดทุกคนก็มาถึง น้ำตกแม่พูล ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กม. เป็นน้ำตกที่เกิดจากการตกแต่งธารน้ำ โดยการเทปูนให้น้ำไหลลดหลั่นจากบนเขาสูงลงมา ดูคล้ายน้ำตกธรรมชาติ สูงหลายชั้น ดูแล้วเป็นน้ำตก handmade ที่สวยงามแห่งหนึ่ง มีความร่มรื่นของป่าไม้ มีธรรมชาติแวดล้อมที่สวยงาม มีศาลานั่งพักผ่อนและร้านอาหาารที่สามารถนั่งมองเห็นทิวทัศน์ของน้ำตกแม่พูลได้อย่างชัดเจน MRBADBOY เห็นแม่ค้าคนหนึ่งกำลังขายลางสาดและทุเรียนกวน ตั้งใจว่าจะซื้อทุเรียนกวนกลับบ้าน แต่กลัวว่ามันจะเละเนื่องจากอากาศค่อนข้างรอ้นมาก
ออกมาจากน้ำตกแม่พูลไม่ไกลนัก เราก็มาหยุดตรงบริเวณถนนทางเข้าน้ำตกที่เป็นจุดพักที่สามของเรา คือบ้านบนดอย บ้านสวนแห่งลับแล ที่นี่ได้มีการจัดลางสาดและลองกองหวานๆที่เป็นผลไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ไว้คอยต้อนรับเราอยู่ ก่อนที่จะเดินชมสวนที่อยู่บนเนินหลังบ้านบนดอย มีสวนทุเรียน ลางสาด ลองกอง มังคุด ที่นี่มีไอศกรีมทุเรียนหลงลับแลหอมอร่อยด้วย ทำให้คลายร้อนได้ เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ด้วย
เรามาจุดพักถ่ายรูปกันที่ ซุ้มประตูเมืองลับแลขนาดใหญ่ เป็นแลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องแวะ ข้างซุ้มประตู มี ประติมากรรมแม่ม่าย อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองลับแล MRBADBOY ได้มองเห็นป้ายไกลๆว่า “เมืองลับแลเมืองนี้ห้ามพูดโกหก” ตามตำนานนิทานพื้นบ้านเล่ากันว่าเป็นเมืองของคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต โกหกคำเดียวไม่ได้ ถัดไปจากซุ้มประตูเมือง คือพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล บริเวณด้านหน้าทางเข้าสวยงามด้วยต้นลีลาวดีที่ปลูกเรียงรายเป็นทิวแถวยาวไปจนถึงตัวพิพิธภัณฑ์ พื้นที่บริเวณโดยรอบ เป็นสนามหญ้ากว้างขวาง มีข้อความป้ายตัวอักษร สีสันสดใส หลงลับแล เสียดายที่ไม่มีเวลามากนักที่เข้าไปชม เพราะว่าเราต้องปั่นกลับไปที่จุด finish อีก 8 กม.
