จุดเริ่มต้นแห่งความสุข ที่ฮอกไกโด

ทริปฮอกไกโดหน้าร้อนครั้งแรกของ MRBADBOY ได้เริ่มต้นการเดินทางในวันที่ 11 สิงหาคม 2562 เวลา 23.55 น. โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์  (AirAsia X) เที่ยวบิน XJ 620 Bangkok-Don Mueang (DMK) และจะไปถึงสนามบิน Shin-Chitose (CTS) เวลา 08.40 น. ของเช้าวันที่ 12 สิงหาคม 2562 และเวลานัดหมายของเราคือ 3 ทุ่มเป็นต้นไป

ไฟลท์ XJ 620 ของเราเป็นแบบ Airbus A33 จัดที่นั่งแบบ 3-3-3 เราได้ที่นั่งติดกันหน้าและหลัง แต่ช่วงที่เราไปเป็น Low Season มีคนไทยเดินทางไปไม่มากเพราะว่าส่วนใหญ่เขาจะไปกันตอนช่วงฤดูหนาว เล่นหิมะ เล่นสกีกัน ดูจากที่นั่งค่อนข้างจะว่างเยอะ MRBADBOY ก็เลยถือโอกาสแยกไปนั่งอีกแถวคนเดียวสบายไปเลย แต่ก็มีผู้โดยสารบางคนนอนยาวเลย แต่จริงๆแล้วนอนแบบหลับๆตื่นๆ จนกระทั่งไฟบนเครื่องบินก็เปิดสว่างขึ้น พร้อมที่จะเสิร์ฟอาหารเช้า ที่เราสั่งจองเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราจองตั๋วเครื่องบิน แล้วก็แจกใบตรวจคนเข้าเมืองหรือเรียกสั้นๆว่า ใบตม ของประเทศญี่ปุ่น ที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการเดินทางไปประเทศไหนก็ตาม ควรจะจดหรือก็อปปี้ชื่อโรงแรมที่เราจะพักพร้อมที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ด้วยเพราะต้องใช้ในการกรอกลงในใบตม.นั้นด้วย

ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน Shin-Chitose หลังจากนั้นเราได้เดินออกมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองฮอกไกโดแป๊บเดียวและมารับกระเป่าที่สายพานใกล้ๆกัน โอ้ว ใกล้และสะดวกสุดๆ หลังจากผ่านประตูทางออกมา เราได้เจอหุ่นโดราเอมอนสีฟ้าที่ยืนคอยต้อนรับอยู่ และเราไม่รอช้าที่จะถ่ายรูปและเช็คอินเป็นจุดแรกของการเดินทางครั้งนี้

ขณะที่เรากำลังเดินไปยังตัวอาคารหลักบนชั้น 2F MRBADBOY ได้เดินผ่าน Discovery Walk by Steiff และตื่นเต้นกับ Plush Animals ต่างๆทั้งสองข้างทาง Steiff เป็นบริษัทจากประเทศเยอรมนีที่นำ Plush Animals (ของเล่นที่มีรูปร่างคล้ายสัตว์ต่างๆที่ถูกห้อหุ้มและยัดไส้ด้วยวัสดุนุ่มๆเช่นผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย) มาจัดแสดงในพื้นที่ต่างๆ เช่น Steiff Festival Plaza ที่แสดงถึงความเจริญของเมืองต่างๆของเยอรมนีเช่น Southern Bayern และ Northern Hamburg ผ่านสัตว์ต่างๆมากมายโดยเฉพาะหมีตัวน้อยๆที่กำลังเคลื่อนไหว พื้นที่จัดแสดงสำหรับ Plush Animals ที่มีขนาดใหญ่เท่าของจริงเช่น ช้าง เสือ อูฐ กระทิงและกวาง พื้นที่ของ Plush Animals เช่นช้างและหมีขาวขั้วโลกที่ถูกจัดพร้อมฉากถิ่นที่อยู่อาศัย พื้นที่ที่ถูกจัดสำหรับถ่ายรูป และพื้นที่ที่ถูกจัดไว้สำหรับเด็กที่มาเล่นได้ จริงๆแล้วที่นี่มีโรงหนังสนามบินแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นด้วย แต่เราไม่มีเวลามากเพียงพอ

เมื่อเรามาถึงอาคารหลัก จริงๆแล้วเราได้แพลนกันไว้ว่าจะเปลี่ยน Voucher มาเป็น JR Hokkaido Pass ที่อยู่ชั้น B1 แล้วจองตั๋วรถไฟไปยังฮาโกดาเตะและไปกินอาหารกลางวันที่นั่น แต่สุดท้ายเราเปลี่ยนใจกะทันหัน เราเลือกที่จะเดินตามถนนรอยยิ้ม (Smile Road) บนชั้น 3F เพราะว่า MRBADBOY ได้ข้อมูลมาว่า สนามบินแห่งนี้มีสิ่งบันเทิงต่างๆมากมาย ร้านขนมน่ากินมากมาย และซอยที่เต็มไปด้วยร้านราเม็งขึ้นชื่อ และสนามบินนี้เป็นสวรรค์สำหรับเด็กๆด้วย เพระว่ามันประกอบไปด้วย 2 ธีมปาร์คคือ “Doraemon Wakuwaku Sky Park” และ “Hello Kitty Happy Flight” และ MRBADBOY เลือกที่จะเข้าไปอยู่ในโลกของโดราเอมอน เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. และจ่ายค่าตั๋วเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่คนละ 800 เยน เด็กมัธยม (13-18 ปี) คนละ 500 เยน เด็กอนุบาล-ประถม (3-12 ปี) คนละ 400 เยน ต่ำกว่า 3 ขวบเข้าฟรี ขณะที่ข้างๆตรงทางเข้า ก็เป็นโซนเครื่องเล่นตู้ตุ๊กตาหนีบด้วย

MRBADBOY คิดว่าเขาทำได้น่าสนใจดีนะ มีการครีเอทดีด้วย มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย เช่น ห้องนอนของโนบิตะ ฉากที่เราคุ้นเคยกันดี ของวิเศษต่างๆจากกระเป๋าหน้าท้องของโดราเอมอน โดราเอมอนยักษ์ที่ใครๆไม่พลาดถ่ายรูปแน่นอน โดราเอมอนกับโนบิตะ ชิซุกะ ซูเนโอะและไจแอนท์ที่สนามเด็กเล่น โซนถ่ายรูป 3 มิติที่จะมีจุดมาร์คเอาไว้ว่าให้เราถ่ายรูป MRBADBOY ได้เข้าไปลองเปิดประตูแต่ละบานที่จะไปที่ไหนก็ได้เช่นบ้านชิซุกะที่กำลังอาบน้ำ ก่อนออกมาจะมีโชว์ของโดราเอมอน ดูเหมือนจะเป็นทดสอบแฟนๆว่ารู้จักโดราเอมอนดีแค่ไหน ก่อนจะที่ถ่ายรูปกับโดราเอมอนเป็นที่ระลึก ข้างนอกมีร้านขายสินค้าที่ระลึกโดราเอมอน มีโซนห้องสมุดกับที่ทำเวิร์คช็อปด้วย คาเฟ่และของหวานเช่น Doraemon Taiyaki ด้วย

เพลิดเพลินไปกับโดราเอมอน มองดูนาฬิกาอีกทีใกล้เที่ยงแล้ว เลยตัดสินใจกินอาหารกลางวันของเราที่ถนนราเม็ง Hokkaido Ramen Dojo อยู่ชั้น 3 ของสนามบิน ซึ่งมีร้านราเม็งให้เลือกมากมาย ด้านหน้าของทางเข้าจะเป็นรูปแผนที่ของฮอกไกโดที่ทำจากชามราเม็ง ร้านทั้งหมดจะเป็นสูตรแบบฮอกไกโด ซึ่งก็มีทั้งแบบมิโซะ โชยุและเกลือ มีร้านอาหารเรียงรายสองข้างของถนน MRBADBOY เลือกร้านที่มีคนต่อแถวน้อยกว่าหน่อย เพราะว่าหิวและต้องรีบเดินทางต่อด้วย MRBADBOY หยุดที่ร้าน Ramen Sora กับสโลแกนที่น่าสนใจว่า “No Ramen No Life” ที่มีสาขานอกประเทศด้วยที่อเมริกาและฟิลิปปินส์ MRBADBOY ได้เลือกเมนูที่แพงที่สุดของร้าน Hokkaido Epicurean Raman ราคา 1,560 เยน ที่รวมทุกอย่างเลิศหรูแห่งฮอกไกโดเช่นหอย ก้ามปูและมันปูด้วย เมื่อนำมันปูไปละลายในน้ำจะทำให้รสชาติเข้มข้นมากขึ้น ราเม็งที่นี้ใส่ข้าวโพดเนยและบัตเตอร์ก้อนด้วย อร่อยจริงๆ

อิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาเดินทางเข้าเมืองสักที แต่ก่อนอื่นเราต้องไปแลกตั๋ว JR Hokkaido Pass ชั้น B1 ของสนามบินและจองเที่ยวรถไฟเพื่อเดินทางไปเมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) การเดินทางไปเมืองนี้ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่เมืองซัปโปโรก็ได้ซึ่งต้องใช้เวลา 35 นาที แต่เราเลือกที่จะใช้เวลาแค่ 3 นาทีไปลงที่ Minami Chitose สถานีเดียวจากสนามบิน ขณะที่เรากำลังรอรถไฟ Super Hokuta Limited Express ไปยังเมืองฮาโกดาเตะ สิ่งสำคัญของการรอรถไฟคือว่า เราจะต้องยืนชานชาลาให้ตรงกับหมายเลขตู้รถไฟที่ปรากฏบนตั๋วรถไฟ เพื่อง่ายต่อการขึ้นและไม่ต้องเดินหา ซึ่งจริงๆแล้วเราก็สามารถเดินผ่านแต่ละตู้ได้อยู่แล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *