ชิลๆ ในเมืองฮาโกดาเตะ ชิมอาหารทะเลสดๆ ชมวิวที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

เช้าวันรุ่งขึ้นที่เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) ณ เกาะฮอกไกโด (Hokkaido) MRBADBOY ได้ตื่นแต่เช้าเพราะต้องรีบไปเที่ยวชมตลาดเช้าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของที่เมืองนี้ เดินออกจากที่พักของเรา โรงแรมแคปซูล (Capsule Hotel) ไม่ไกล วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสดีเหมาะกับการถ่ายรูป เดินชิลๆ มาเรื่อยๆ ก็มาถึง สถานีรถไฟฮาโกดาเตะ (JR Hakodate Station) เพราะว่า ถัดไปก็เป็นตลาดเช้าแล้ว

เริ่มจากเดินไปตามถนนหลักก่อน จะผ่านตลาดสดที่เป็นแหล่งรวมอาหารสดชั้นดี ทั้งผัก ผลไม้ เช่น เมลอนที่หวานอร่อย ข้าวโพดหวานกินดิบๆ ได้เลย และอาหารทะเลแบบแห้งและแบบสด เช่น ปูยักษ์ เป็นของขึ้นชื่อที่นี่ รวมถึงมีโซนของร้านอาหารที่ปรุงจากอาหารทะเลสดๆ ด้วย แต่เห็นร้านหนึ่ง ชื่อ Kaisen-Sushi Azumashi-Tei ที่มีคนรอแถวยาวกว่าร้านอื่นๆ แต่ MRBADBOY ไม่ได้ลองกินดู เพราะว่า ขอเวลาเดินสำรวจและถ่ายรูปก่อน

เดินตามถนนไปสักพักก็มาหยุดตรงที่ร้านซาลาเปาร้านหนึ่ง สะดุดตาตรงที่เป็นซาลาเปาใส้เนื้อปูด้วย MRBADBOY เป็นคนชอบกินปูอยู่แล้ว ไม่รอช้าจัดไปสักหนึ่งลูกเป็น ใส้เนื้อปูหิมะ (Snow Crab) ราคาอยู่ที่ 450 เยน ขณะที่ King Crab อยู่ที่ 630 เยน แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของร้านนี้คือ ปลาหมึกยัดใส้ข้าว หรือเรียกว่า Ikameshi เพราะว่า MRBADBOY ชอบกินปลาหมึกด้วยเหมือนกัน ราคาอยู่ที 380 เยน ว้าววว … อร่อยมาก ได้กินเนื้อปูเต็มๆ ในซาลาเปา และปลาหมึกก็นุ่มดี … นั่นแค่ออเดิร์ฟเท่านั้น อาหารเช้าทึ่ตลาดวันนี้ MRBADBOY จัดเต็มกับดงบุริ ข้าวหน้าทะเล ประกอบไปด้วยหอยเชลล์ หอยเม่น และเนื้อปู ไม่พอกับหอยนางรมย่างซีอิ้ว และหอยเป่าฮื้อย่าง สด หวาน อร่อย จริงๆ มีแรงเดินเที่ยวต่อละ

ติดกับตลาดเช้า ก็เป็นพื้นที่อ่าวที่ MRBADBOY เดินเข้าไปใน Ika Square กว้างใหญ่มาก สัมผัสกับลมทะเล เจอป้ายข้อมูลเขียนว่า ฮาโกดาเตะมีชื่อเสียงทางด้านอุตสาหกรรมการตกปลาหมึกที่รุ่งเรืองมาก เพราะว่าปลาหมึก หรือ ika ในภาษาญี่ปุ่น เป็นของขึ้นชื่อของชาวเมืองที่นี่ รวมทั้งปลาหมึกแปรรูปต่างๆ ที่นี่มีรูปปั้นของฝูงปลาหมึกที่กำลังว่ายไปมา

จุดเด่นของที่นื่คือ Hakodate Seikan Renrakusen Memorial Museum Mashumaru มาชูมารุ เป็นหนึ่งในเรือเฟอร์รี่ของบริษัทรถไฟเซคังซึ่งเดินทางระหว่างเกาะฮอกไกโดและเกาะฮอนชู จนกระทั่งปี 1988 เรือมาชุมารุจึงได้ถูกนำมาจอดเทียบที่ท่าฮาโกดาเตะเพื่อเป็นอนุสรณ์ และเป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การขนส่ง แต่ MRBADBOY ไม่ได้เข้าไปข้างใน ได้แต่ถ่ายรูปเรือจากด้านนอก และบนสะพาน Tomoe Bridge ซึ่งข้ามอ่าวในความยาวระยาทาง 1924 เมตร ที่มีทั้งช่องทางรถยนตร์และสำหรับคนเดินและจักรยาน เป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นวิวของท่าเรือฮาโกดาเตะ และเป็นจุดหนึ่งที่ชมการแสดงพลุในงานเทศกาลต่างๆ อีกด้วย

อากาศช่วงสายหน่อยร้อนเอามากๆ เพราะว่า MRBADBOY ได้มาเที่ยวฮอกไกโดในช่วงหน้าร้อน คือเดือนกรกฎาคม เลยแวะเติมพลังด้วย soft cream ร้านใกล้ๆทางเข้า Al Roa ไม่ไกลจากอ่าวเท่าไหร่ MRBADBOY เลือกแบบที่เป็นนมฮอกไกโดแบบสองก้อนในราคา 480เยน ถ้าก้อนเดียว 430 เยน และ 530 เยนสำหรับสามก้อน เฮ้อ… ค่อยสดชื่นหน่อย และแล้ว ก็ถึงเวลาเดินเที่ยวต่อ จุดมุ่งหมายต่อไปคือ Old Brick Warehouses ประมาณ 800 เมตรจากตลาดเช้าหรืออ่าว

ข้ามสะพานไป เราก็มาถึงโกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) ทางซ้ายมือ กับคำว่า Bay สีขาวโดดเด่น เหมือนโผล่ออกมาท่ามกลางความเขียวของพืชไม้เลื้อย ขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นอ่าว โกดังอิฐแดงนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1907 หลังจากท่าเรือฮาโกดาเตะได้เปิดทำการค้ากับต่างชาติเป็นครั้งแรกในปี 1859 ปีเดียวกันกับที่นางาซากิและโยโกฮามา และหลังจากที่ แมทธิว คัลเบรธ เพร์รี่ พลเรือจัตวาแห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา บังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศต่อโลกภายนอกด้วยสนธิสัญญาคานางาวะ (Treaty of Kanagawa) ในปี 1854ปัจจุบันนี้ โกดังอิฐแดงนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเมืองฮาโกดาเตะและเป็นโลเคชั่นสำหรับละครทีวีและภาพยนตร์หลายเรื่อง

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

โกดังอิฐแดงคาเนโมริ ประกอบไปด้วย 7 โกดัง ได้ถูกจัดแบ่งออกเป็น “Hakodate History Plaza”, “Kanemori Hall”, “Kanemori Western Museum”, “Bay Hakodate”, และมีร้านอาหาร คาเฟ่ มากมาย รวมทั้ง ร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย แต่ละโกดังจะมีสะพานเป็นจุดเชื่อมกัน ขณะที่ระหว่างสองโกดัง ก็จะมีประติมากรรมน่ารักๆ ตั้งโชว์ เช่น เด็กผู้หญิงและนก MRBADBOY ได้ทึ่งกับร้าน Starbucks Coffee ที่ออกแบบเป็นอาคารไม้สีแดงๆ ให้กลมกลืนไปกลับโกดังอิฐแดงด้วย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เดินตามถนนที่ขนานระหว่างโกดังอิฐแดงและอ่าว จนกระทั่งถึงสามแยก ก็จะเจอร้านดัง Hamburber Lucky Pierrot หรือบางคนอาจจะเรียกว่า แฮมเบอร์เกอร์ตัวตลก ที่ตกแต่งสไตล์ละครสัตว์ ราคาไม่แพงด้วย ทำให้มีคนรอคิวยาว น่าเสียดายที่ MRBADBOY ไม่ได้ลิ้มลอง เพราะว่า จะต้องเดินเที่ยวอีกหลายจุด

เนื่องจากฮาโกดาเตะมีภูมิประเทศเป็นภูเขา และมีถนนลาดชันถึง 19 เส้นทางที่มุ่งลงไปท่าเรือ ดังนั้น ทำให้เราต้องเหนื่อยหน่อยในการเดินขึ้นเขาไปหาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่ตรงตีนของภูเขาฮาโกดาเตะ สถานที่แรกที่ MRBADBOY ได้มาถึงคือ โบสถ์โรมันคาทอลิก ซึ่งเป็นโบสถ์คาทอลิกชั่วคราวแห่งแรกในปี 1859 โดยมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส ชื่อว่า Mermet De Cachon และได้ถูกไฟไหม้ถึง สามครั้ง โบสถ์โรมันคาทอลิกนี้ได้ถูกออกแบบตามสถาปัตยกรรมศิลปะกอทิกและมีหลังคาทนไฟ แท่นบูชาและ 14 รูปปั้นไม้แกะสลักพระเยซู ตั้งแต่เดินทางสู่การตรึงกางเขนและหลังการตรึงกางเขน บนกำแพงของโบสถ์ มันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เพราะว่า Pope Benedict XV เป็นผู้มอบให้

ด้านหน้าทางเข้าโบสถ์โรมันคาทอลิก เป็นถนนลาดชันเส้นหนึ่งชื่อว่า Daisan Zaka Slope ขณะที่ Daisan เป็นชื่อโรงแรมในอดีต ที่ซึ่งได้ให้บริการสำหรับนักธุรกิจที่เดินทางมาที่นี่ ที่น่าสนใจ ในปี 1987 ถนนลาดชันนี้ได้ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในร้อยถนนตัวแทนของประเทศญี่ปุ่น

บริเวณนี้มีป้ายบอกทางชัดเจน และก็มีนักท่องเที่ยวมาเดินชมเนินและสถานที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์และทางสถาปัตยกรรมอีกด้วย ต่อมา MRBADBOY ก็มาถึงโบสถ์รัสเซีย ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับกงสุลรัสเซียคนแรกในประเทศญี่ปุ่นในปี 1859 โบสถ์ได้ถูกไฟไหม้ในปี 1907 และได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1916 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ Byzantine ที่โครงสร้างมองดูเหมือนมงกุฎประดับไปด้วยกางเขนมากมาย และหลังคาเป็นทองแดงสีน้ำเงินเขียวตัดกับสีขาวของตัวอาคารอย่างโดดเด่น โบสถ์รัสเซียได้กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมในปี 1983

ถัดมาเป็น บ้านของ Katsuichiro Namei นักคิดและนักวิจารณ์วรรณกรรมในยุคกลางโชวะ เขาได้เป็นสมาชิกของ Japan Art Academy งานที่มีชื่อเสียงของเขาคือ “Human Education” ในปี 1937 และ “Essays on Things in Seasons at Old Temples in Yamato” ในปี 1943 แต่งานที่ถือว่าสุดยอดที่สุดของเขาคือ “Historical Reseraches on the Japanese Spirits”

เดินชิลๆ มาเรื่อยๆ ก็จะมองลงไปเห็นหลังคาวัดขนาดใหญ่มากๆ ของวัด Higashi Hongan-ji Temple ตรงมุมเนิน Motomachi Slope เป็นวัดแรกที่สร้างโดยคอนกรีตเสริมเหล็ก และได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1907 หลังจากถูกไฟไหม้ และจัดเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งด้วย ถนนลาดชันตรงหน้าวัดนี้ ค่อนข้างใหญ่สำหรับรถยนต์แล่นผ่านได้ มันสวยงามมาก เมื่อเรามองลงไปผ่านเมืองสู่ท่าเรือ

หนึ่งไฮไลต์สำคัญของเมืองฮาโกดาเตะ คือ การขึ้นไปชมวิวสวยงามติดอันดับโลกด้วย โดยรถกระเช้า (Mt. Hakodate Ropeway) เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฮอกไกโดแบบพาโนรามา ที่มองลงมาจากยอดเขาฮาโกดาเตะไปยังท่าเรือ จะเห็นเมืองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลทั้งสองข้าง โดยเฉพาะช่วงยามค่ำคืนนั้น นับว่าสวยงามแปลกตา จนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นเองและคนต่างชาติได้ทยอยกันขึ้นมาบนนี้จนเนืองแน่นไปเลย บนนี้มีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกด้วย ค่าตั๋วขึ้นกระเช้าอยู่ที่ 1280 เยน สำหรับไปกลับ จะปิดเวลา 22.00 น.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *