จุดชมวิวยิ่งใหญ่อลังการของช่องแคบ Tsugaru ที่แหลมทาชิมาชิ ฮาโกดาเตะ

หลังจากเพลิดเพลินกับเมืองโดราเอมอนและเต็มอิ่มกับราเม็งสไตล์ฮอกไกโด ที่สนามบิน Shin-Chitose แล้ว เราก็นั่งรถไฟไป Minami Chitose หนึ่งสถานีจากสนามบิน แล้วรอรถไฟ Limited Express Super Hokuto ที่มาจากเมืองซัปโปโร เพื่อจะมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) ที่เป็นเป้าหมายแรกของเรา จะใช้เวลาประมาณ 3 ชม ปรกติราคาตั๋วต่อเที่ยวอยู่ที่ 8000 เยน หรือประมาณ 2400 บาท แต่เรามีตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass สำหรับ 7 วันอยู่แล้ว แค่ไปแลกตั๋วสำหรับ reserved ticket ก็เรียบร้อย

เราออกจากรถไฟ เข้าตัวเอาคารของสถานีฮาโกดาเตะ จะผ่านกำแพงที่แกะสลักเรื่องราวของเมืองนี้ในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 1868 ระหว่าง Hakodate War และได้พบกับสถาปัตยกรรมสีแดงคล้ายๆคนสองคนกำลังคร่อมกันอยู่ ตรงด้านหน้าทางเข้าสถานี จริงๆแล้วมันมีชื่อว่า “Oyako” หรือ พ่อแม่และลูก

หลังจากนั้น เราก็ออกเดินหาโรงแรมของเราในช่วงบ่ายนี้ เดินลากกระเป๋าเดินทางไปประมาณกิโลกว่าๆ ก็มาถึงโรงแรมแคปซูล (Capsule Hotel) ที่นี่ดูเหมือนเปิดมาได้ไม่กี่ปี ดูยังใหม่ๆ แต่ไม่มีออนเซ็น น่าเสียดายจริงๆ เลยไม่ได้แช่น้ำร้อนเลย แต่ตรงหน้าล็อบบี้มีพื้นที่นั่งเล่น นั่งดื่ม หรือเล่นกีต้าร์และเปียโนด้วย ทำให้เรารู้สึกชิลๆดี

ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังสถานที่แรกของเรา คือ Cape Tachimachi ที่นี่ก็เมืองเก่า ดูไปก็คล้ายๆ ฮิโรชิมา ที่มีการให้บริการรถราง (Tram หรือ Streetcar) อยู่ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ รถรางที่นี่เก๋ไก๋ไม่ใช่น้อยกับโฆษณาพร้อมคาแลคเตอร์ตัวการ์ตูน เราก็ไม่รอช้า ขึ้นรถรางด้านหน้าโรงแรมและมาลงที่สถานีปลายทาง Yachigashira

สถานีปลายทางอยู่ตรงสี่แยกพอดี เราเดินข้ามถนนแล้วเดินต่อขึ้นไปตามป้ายบอกทาง ที่มีทั้งเป็นป้ายและตรงพื้นถนน บอกไว้ว่า 1000 เมตร จะถึงแหลมทาชิมาชิ ด้วยความที่ MRBADBOY รีบร้อนเกินไปและอยากจะเห็นก่อนค่ำ พอเห็นป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายก็เลี้ยวไปเลยและรีบเดินไป จนกระทั่งได้กลิ่นคาวๆ ของสัตว์ทะเล ก็มั่นใจว่าใช่ แต่ผิดคาด เจอทางตัน ก็เลยเจอเพื่อนๆร่วมเดินทางแซวว่า พาหลงอีกแล้ว แต่ MRBADBOY ก็ตอบเหมือนเดิมว่า เป็นการหลงที่ได้พบกับสิ่งใหม่ 555 แต่ MRBADBOY ก็ไม่ได้กลัวหรือกังวลอะไร ก็ถามทางเจ้าของบ้านแถวนั้น ผมไม่ได้รู้ภาษาญี่ปุ่นอะไรมากหรอกครับ แค่อาศัยว่า พยายามเข้าใจและเดา ก็เลยเดินย้อนกลับไปและเลี้ยวซ้ายเส้นทางลัดตรงสุสาน

มันเป็นเวลาเย็นแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง มันช่างวังเวงและน่ากลัวเสียนี่กระไร ขณะที่กำลังก้าวเท้าทีละก้าวเดินผ่านท่ามกลางสุสานมากมาย จนกระทั่งมาถึงเส้นถนนที่ตรงไปยังแหลมทาชิมาชิที่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นภูเขาสูงชัน ทำให้เราต้องเดินขึ้นอย่างช้าๆ แต่ยังคงผ่านสุสานไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง MRBADBOY ได้พบแผ่นป้ายหนึ่งบอกว่า เป็นสุสานประจำตระกูลของ Ishikawa Takuboku เขาเป็นกวีที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในยุคเมจิ และได้อาศัยอยู่ที่ฮาโกดาเตะกับครอบครัวของเขาเพียงระยะสั้นๆ ในปี 1907 ด้วยความชอบของผู้คนและบรรยากาศที่นี่ เขาได้ประกาศไว้ว่า เขาอยากจะตายที่นี่ ในปี 1912 เขาได้เสียชีวิตลง และภรรยาของเขา Setsuko ก็ได้ทำความปรารถนาของสามีให้เป็นจริง ด้วยการนำอัฐิของเขามาไว้ที่นี่ในปี 1913 ก่อนที่ภรรยาจะตามสามีไป หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ในปี 1926 Miyazaki Ikuu ผู้ซึ่งเป็นพี่เขยและกวีด้วย ร่วมกับ Okada Kenzo ผู้ก่อตั้งห้องสมุดเทศบาลเมืองฮาโกดาเตะในเวลานั้น ได้สร้างสุสานเพื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับ Takuboku พร้อมกับนำร่างของภรรยา ลูกสามคน และพ่อแม่ เหมือนมานอนหลับใหลที่นี่ชั่วนิรันดร์ พร้อมกับฟังเสียงของทะเลผ่านช่องแคบ Tsugaru Straits

บริเวณใกล้ๆ สุสานนั้น มีบทกลอนบทหนึ่งที่แกะสลักไว้บนแผ่นหิน แต่งโดยนักประพันธ์และนักกวีสองสามีภรรยา Yosana Hiroshi และ Yosana Akiko ผู้ซึ่งรู้จักกันดีที่สุดและมีอิทธิพลต่อกวีรุ่นหลังๆ หลังจากที่ทั้งสองได้มาเยี่ยมเมืองฮาโกดาเตะและสุสานของ Takuboku และไกลออกไปหน่อยก็เป็น อนุสรณ์ของผู้ติดตามของ Tokugawa Clan ตระกูลที่มีอำนาจมากตระกูลหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ในสมัยจักรพรรดิเซวะ

เล่นเอาหอบเหมือนกัน กว่าจะเดินขึ้นเขามาถึงจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองฮาโกดาเตะไกลๆ ที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ พร้อมกับเสียงคลื่นดังตลอดเวลา บริเวณรอบๆ ภูเขาจะถูกล้อมรอบไปด้วยรั้วกันเหล็กกับสัญลักษณ์ของปลาหมึก ที่เป็นของขึ้นชื่อที่นี่ด้วย MRBADBOY ได้หยุดอ่านข้อมูลความเป็นมาของแหลมทาชิมาชิก่อนว่า ชื่อเดิมของแหลมทาชิมาชิ คือ Yokoushi เป็นภาษาของชาวไอนุ ชนพื้นเมืองบนเกาะฮอกไกโด หมายถึงสถานที่ที่คนมายืนและคอยที่จะจับปลา Yoko หมายถึง ยืนและคอยสำหรับสัตว์ที่จะมา และ ushi คือ สถานที่ ตรงกับภาษาญี่ปุ่นในปัจจุบันว่า Tachi และ Machi

ในปลายศตวรรษที่ 18 เมื่อ Ezochi หรือฮอกไกโดในปัจจุบันนี้ ได้เป็นสถานที่หนึ่งภายใต้การควบคุมโดยตระกูลโชกุน Tokugawa Shogunate ผู้ซึ่งได้สร้างป้อมปราการ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และสั่งห้ามชาวเมืองเข้ามาในบริเวณนี้ด้วย วันนี้ มันกลายเป็นจุดชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ดูความยิ่งใหญ่ของช่องแคบ Tsugaru Straits ใช่เลย MRBADBOY ต้องร้อง ว้าว! เมื่อได้เห็นความยิ่งใหญ่ด้วยตาของตัวเอง เราสามารถเดินได้รอบบริเวณนั้นกับสองวิวที่ต่างกันของช่องแคบและตัวเมือง และมีจุดนั่งพักหลายจุดให้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ให้เต็มอิ่มกันไปเลย

ก่อนที่เราเดินทางกลับไปที่สถานี Yachigashira แล้วหาข้าวเย็นกินก่อนเข้าที่พัก MRBADBOY ได้เลือกลิ้มรส จังจังยากิ (Chan Chan Yaki) เมนูกระทะร้อนสไตล์ชาวประมงฮอกไกโด ที่มีให้เลือกระหว่าง ปลาแซลมอล หรือปลาหมึก ผัดกับผักหลากหลายมากมาย แต่ MRBADBOY ได้เลือกปลาหมึกที่เป็นของขึ้นชื่อที่นี่ อร่อยจริงๆเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *