เที่ยว 4 อำเภอ..แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน หรือที่เรารู้จักอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองสามหมอก ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงและมีหมอกปกคลุมส่วนใหญ่ คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทใหญ่ นอกนั้นเป็นชาวไทยวน กะเหรี่ยง มูเซอ ลีซอ ลัวะ ม้ง ฮ่อ ปะโอ และอื่นๆ โดยที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งทุกวันนี้
                MRBADBOY ได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนเหล่านั้นและได้รับรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ รวมถึงได้ชื่นชมความงามทางธรรมชาติ จาก 4 ใน 7 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือ แม่ลาน้อย แม่สะเรียง เมืองแม่ฮ่องสอน และปาย


แม่ลาน้อย เป็นอำเภอแรกที่ MRBADBOY ได้เดินทางมาถึง หลังจากลงจากเครื่องบินที่สนามบินแม่ฮ่องสอน และได้เลี้ยวเข้าถนนที่มีป้ายว่า บ้านละอูบ ซึ่งเป็นชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีต้นแบบ และเป็นชุมชนชาติพันธุ์ลัวะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย เส้นทางของถนนในหมู่บ้านค่อนข้างจะสูงชันบนภูเขา เราได้เยี่ยมชมกรรมวิธีการทำเครื่องเงินและการทำผ้าทอละว้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่โดดเด่นของที่นี่


นายเมือง ศักดิ์ศรีดงดอย อายุ 44 ปี ได้สืบทอดการทำเครื่องเงินจากพ่อของเขาผู้ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อตอนที่เขาอายุได้แค่ 13 ปี วิธีการทำเครื่องเงินตั้งแต่แรกๆ สมัยพ่อของเขาทำก็จะเป็นเตาไฟ ต่อมาเขาก็เปลี่ยนเป็นแก๊ส แต่เตาไฟก็ยังใช้ได้อยู่ อันนี้เป็นดั้งเดิมที่สุด การทำเครื่องเงินเป็นอาชีพเสริม แต่อาชีพหลักคือการทำเกษตรปลูกฟักทอง ข้าวโพด และถั่วเหลือง

บ้านละอูบที่เดียวที่ทำเครื่องเงินกับลวดลาย ที่เรียกว่า “พดด้วง” ตอนแรกทำสำหรับใช้เป็นเครื่องประดับของผู้หญิงชาวละว้า ต่อมาก็ได้ไปเรียนรู้กลับมาทำเป็นแหวน กำไลข้อมือ เม็ดเงินซื้อจากตัวเมืองเชียงใหม่ พอหลอมเป็นแท่งก็จะตัดเป็นชิ้นและหลอมใส่แม่พิมพ์ แล้วค่อยมาตีว่าจะเอาลวดลายอะไร เครื่องประดับสำหรับผู้ชายชาวละว้าจะเป็นมีดที่ทำด้วยเงินมีราคาหลายหมื่น

มาริสา ผัดน้อย หนึ่งในหญิงสาวชาวละว้าที่ได้สวมใส่สร้อยที่ทำจากเงินลายพดด้วง และกำลังรวมกลุ่มกับคนอื่นๆช่วยกันทอผ้าโดยใช้กี่ขนาดเล็ก สีที่ใช้ในการย้อมผ้าจะได้จากสีธรรมชาติและสีเคมี เล่าให้ฟังว่า “ผ้าลัมเบ” จะใช้ปูรองศพเหมือนเป็นผ้าคู่ชีวิต หรือเวลาแต่งงานพ่อแม่ก็จะให้คนละชุดเก็บไว้ และก็เวลาเด็กเกิดใหม่ให้หนุนป้องกันผี ผ้าจะถูกเย็บติดกับอีกผืนเล็กกับลายตวนเป็นลายของละว้าทำจากผ้าดิบ เดี๋ยวนี้ประยุกต์เป็นเสื้อและผ้าพันคอ

ที่นี่ MRBADBOY ได้ลองชิมอาหารพื้นบ้านของละว้าที่เรียกว่า “โต๊ะสะเบื๊อก” จะถูกเสิร์ฟในงานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ งานมัดมือ และงานอื่นๆ วิธีทำก็จะมีการต้มหมู คั่วพริก ชูรส และเกลือ ตำๆและคลุกแล้วใส่ต้นหอม ผักชี ตะไคร้ เหมือนยำหมู “โต๊ะสะเบื๊อก” ที่นี่ชนะเลิศการประกวดงานชาติพันธุ์ที่แม่ฮ่องสอนฃ

หลังจากนั้น MRBADBOY ได้นั่งรถต่อขึ้นไปยอดเขาเพื่อจะไปจุดชมวิวที่มีชื่อว่า โมซัมเบียง เพื่อสักการะองค์พระใหญ่ ที่้ตั้งเด่นสง่าอยู่บนยอดเขา พร้อมกับชมวิวของเมืองแบบพาโนราม่าได้อย่างงดงาม บ้านละอูบ มีโฮมสเตย์มากมายให้นักท่องเที่ยว ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวลัวะและลิ้มลองเมนูอาหารพื้นบ้านด้วย


เราได้เดินทางไปต่อถึงค่ำที่อำเภอแม่สะเรียง หกโมงเช้าของวันใหม่ MRBADBOY ได้ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อจะเดินไปดูวิถีชิวิตของผู้คนที่นี่ยามเช้า โดยเฉพาะที่ตลาดเช้า บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านไม้เดิมเรียบง่ายและดูสงบ ผ่านร้านต. ช่างเหล็ก มัสยิดญามีอาตุลอิสลาม (Musjid Jameatulislam) ชุมชนชาวมุสลิม แล้วก็มาถึงตลาดเช้าฃ

เดินตรงไปตามถนนหลัก จะมองเห็นวัดสุพรรณรังษี (จองคำ) ตรงสามแยก เราสะดุดตากับเจดีย์สีทองอร่าม เป็นวัดที่สร้างด้วยศิลปะไทใหญ่คล้ายกับวัดในประเทศพม่า บนถนนวัยศึกษา เราได้เห็นบ้านไม้เก่าๆกับแสงแดดยามเช้า ทำให้ MRBADBOY อดใจไม่ถ่ายรูปไม่ได้ และเดินไปสะพานข้ามแม่น้ำยวม จะเห็นพระและเณรกำลังกลับจากบิณฑบาต

กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมก่อนออกเดินทางไปยังวัดพระธาตุจอมกิตติ 1 ใน 4 พระธาตุสี่จอมในอ. แม่สะเรียง นอกจากพระธาตุจ๋อมตอง พระธาตุม่อนจ๋อมแจ้ง และ พระธาตุจ๋อมม่อนกุ หรือ จ๋อมมอญ MRBADBOY ได้เดินขึ้นเนินไปสักเล็กน้อยถึงองค์พระธาตุสีขาวประดับสีทองและชมทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแม่สะเรียง

แล้วก็ไปต่อที่วัดพระธาตุจอมมอญ ซึ่ง MRBADBOY เลือกที่จะเดินขึ้นบันไดไป 339 ขั้นเพื่อเป็นการวอร์มขาไปในตัวด้วย ทางขึ้นปกคลุมไปด้วยหญ้ามอสสีเขียวทำให้ดูสวยงามยิ่งนัก อดใจไม่ได้ที่จะเก็บภาพ ไม่ไกลจากที่นี่เราก็มาถึงวัดพระธาตุจอมมอญ ที่มีองค์พระธาตุและมีจุดชมวิวด้วย มองเห็นความเขียวของทุ่งนาแต่ไกล

เมื่อเราเข้ามาในตัวอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เราได้หยุดแวะดื่มน้ำและพักผ่อนที่ร้านกุงคุณลุง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ติดกับสะพานไม้ซูตองเป้ ในภาษาไทใหญ่หมายถึงสะพานแห่งศรัทธา หรืออธิษฐานสำเร็จ

สะพานซูตองเป้สร้างขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านในหมู่บ้านกุงไม้สักที่ช่วยกันสานไม้ไผ่เป็นแผ่นทอดยาว ข้ามทุ่งนาที่เจ้าของที่อุทิศผืนนาถวายให้แก่วัด กลายเป็นสะพานไม้ไผ่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านกุงไม้สักและสวนธรรมภูสมะ

หลังจากผ่านเส้นทางคล้ายอุโมงค์ ก็มาเจอวิหารเจ้าพาราซูตองเป้ ขึ้นไปกราบหลวงพ่อซูตองเป้ บริเวณรอบๆจะมี สวนธรรมภูสมะ มีรูปปั้นพระธุดงค์ มีทางเดินลอดเสาไม้ไผ่ ทำให้ MRBADBOY นึกถึงแท่งเสาโทอิที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เดินสะพานไม้ไผ่สานๆ เหนือต้นหญ้าเขียวขจี สุดสะพานเป็นรูปปั้นของท่านสุเมธดาบส

การเดินทางไปอำเภอปายระยะทาง 111 กม เราต้องผ่านโค้งมากมายที่คดเลี้ยวขึ้นภูเขา ที่ทำให้บางคนเมารถได้ วิธีที่ดีที่สุดคือหลับซะเลย แล้วรถของเรามาหยุดพักที่จุดชมวิวกิ่วลม

MRBADBOY ได้แวะเที่ยวน้ำตกหมอแปง จริงๆแล้ว MRBADBOY ได้มาปายหลายครั้งเหมือนกันแต่ก็ไม่เคยไปเที่ยวน้ำตกเลย ก็เลยเลือกที่นี่ห่างจากตัวอำเภอปาย 9 กม บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับมาปิกนิกและเล่นน้ำคลายร้อน ด้วยสายน้ำที่ไหลปกคลุมแผ่นผาหินเป็นม่านสีขาว วันนี้เจอแต่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนหนึ่งกำลังถ่ายวิดีโอเพื่อนอีกคนที่กำลังจะเล่นสไลเดอร์ ที่นี่มีทางเดินไม้ไผ่เพื่อให้มองลงมาเห็นวิวข้างล่าง

ไม่ไกลนัก MRBADBOY ก็มาถึงกองแลน หรือ ปายแคนยอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เกิดจากการทรุดตัวของดินที่ถูกกัดเซาะเป็นร่องลึกคล้ายหน้าผาและมีเส้นทางเดินเล็กๆบนสันเขา เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมาดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องปายอินเลิฟ  อีกด้วย ที่นี่ก็เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ

ก่อนออกจากปาย MRBADBOY มาเดินสะพานไม้ไผ่สานอีกที่หนึ่งชื่อ โขกู้โส่ เป็นภาษาไทใหญ่ หมายถึง สะพานบุญ และได้เจอสองวัยรุ่นชายหญิงชาวเยอรมันและสองสาวเวียดนามซึงกำลังช่วยกันถ่ายรูปกันอยู่

เส้นทางของสะพานไม้ไผ่คดเลี้ยวไปมา ผ่านกระท่อมและควายปลอม เหมือนเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้วย ผ่านร้านกาแฟชุมชน มีเส้นทางแยกไปหมู่บ้านแพมบกและวัดแพมบก และมีจุดให้อาหารปลาด้วย เป็นการทำบุญยกกำลังสองคือ บุญให้อาหารแก่ปลาและสัตว์ในน้ำ และบุญที่ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนชาวเขาโรงเรียนบ้านแพมบก (ไทใหญ่) โรงเรียนบ้านปางปึง (กะเหรี่ยง) โรงเรียนบ้านแม่อีแลบ (ลีซอ)

ระหว่างทาง MRBADBOY ก็เห็นป้ายบอกถึงพื้นที่ปลูก รวงผึ้ง และข้าวหม่นหอมเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของอำเภอปาย เจอกระท่อมภูผา สุดทางของสะพานไม้ไผ่นี้คือ สำนักสงฆ์ห้วยคายคีรี แต่เปิดเฉพาะวันพระ หลังจากเราก็เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ รอเวลาบินกลับกรุงเทพๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *