วิ่ง-ลุย-ล่อง ลำน้ำเข็ก

Raft & Run “วิ่ง-ลุย-ล่อง ท่องน้ำเข็ก” ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ วนธารารีสอร์ท อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2562 และเป็นครั้งแรกของ MRBADBOY ด้วยที่ได้วิ่งและเล่นล่องแก่ง

บอกก่อนเลยว่า MRBADBOY ไม่ค่อยได้มีโอกาสเล่นล่องแก่งเท่าไหร่ ครั้งแรกได้บอกปฏิเสธไป เนื่องจากเกิดความกลัวและได้ยินมาว่าลำน้ำเข็กค่อนข้างแรงและอันตรายด้วย ยิ่งไปกว่านั้น MRBADBOY ก็อายุปาเข้าไป 50+ แล้วเลยต้องดูแลสุขภาพกันบ้าง

แต่ไม่กี่ชั่วโมง MRBADBOY ก็เปลี่ยนใจกระทันหัน หลังจากได้ข้อมูลมาว่า ปีนี้น้ำไม่เยอะ ถึงแม้ว่าเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมของทุกปี จะเป็นช่วง “เทศกาลท่องเที่ยวล่องแก่งลำน้ำเข็ก” โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก อำเภอวังทอง เนื่องจากเกิดปัญหาภัยแล้ง ทำให้ในช่วงต้นฤดูฝนที่ผ่านมา ลำน้ำเข็กมีปริมาณน้ำน้อย ล่าสุดหลังมีฝนตกลงมาทำให้ลำน้ำเข็กมีปริมาณน้ำที่เพียงพอที่สามารถทำกิจกรรมล่องแก่งได้

เพียงแค่นี้ก็ทำให้เปลี่ยนใจได้และก็อยากลองล่องแก่งลำน้ำเข็กที่จัดว่าสวยที่สุดในจังหวัดพิษณุโลกด้วยเหมือนกัน เอาวะ เป็นงัยเป็นกัน งาน “วิ่ง-ลุย-ล่อง ท่องน้ำเข็ก” มี 2 ระยะทางวิ่งคือ 10 และ 18 กิโลเมตร MRBADBOY เลือก 10 กม. ได้เหนื่อยกำลังดี

กิจกรรมครั้งนี้ต้องเล่นกันเป็นทีม เนื่องจากต้องพอดีกับจำนวนคนบนแพยาง ทีมเรามี 6 คนภายใต้ชื่อทีมไทยเท่ ออกจากโรงแรมที่พักตี 5 เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าที่จุดนัดพบ คือ วนธารารีสอร์ท 6 โมงเช้า สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ล่องแก่งของทางรีสอร์ทออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับการล่องแก่งอย่างสนุกและปลอดภัย และได้มีการยืดเส้นยืดสาย ก่อนที่จะปล่อยตัวนักวิ่งพร้อมกันทั้งสองระยะในเวลา 7 โมงเช้า

ออกจากรีสอร์ท นักวิ่งก็วิ่งบนถนนหลวงที่สองข้างทางเขียวขจีไปด้วยต้นไม้มากมายและมองไปข้างหน้าไกลๆก็เป็นทิวเขาที่กระทบกับแสงแดดยามเช้า เหมือนการวาดภาพที่ไล่โทนสีจากเข้มไปจาง พร้อมๆกับความโรแมนติกของนักวิ่งชายที่กำลังประคับประคองนักวิ่งหญิง หลังจากที่ถูกเพื่อนร่วมทีมทิ้งห่าง

วิ่งมาได้สักพักก็เลี้ยวซ้าย จะเจอสะพานสลิงแก่งซอง ซึ่ง MRBADBOY อดใจไม่ได้ที่จะแชะภาพสักหน่อย แล้ววิ่งต่อไปตามถนนคอนกรีตในหมู่บ้านชุมชนจนพบพระพุทธรูปปางสมาธิและปางพระอิริยาบทยืนองค์สีขาวมากกว่า 30 องค์ ท่ามกลางธรรมชาติของสำนักสงฆ์วัดป่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยสีขาวขององค์พระทำให้คิดไปว่าเหมือนเป็นทางสว่างของชีวิต อย่างไม่รอช้า รีบเข้าไปถ่ายรูปกันดีกว่าและได้สวนกับนักวิ่งคนอื่นๆที่เข้ามาก่อนหน้านี้ด้วย

ไม่นาน เส้นทางคอนกรีตได้เปลี่ยนเป็นเส้นทางดินทราย ที่เป็นลักษณะเส้นทาง Trail เป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้านแถบนี้ เส้นทางสวยงามมาก ท่ามกลางความเขียวชอุ่มของต้นไม้และหญ้า สีสันของดอกไม้สีเหลือง สีชมพู และสีฟ้า รวมถึงสีน้ำตาลของต้นข้าวโพดหลังจากเก็บฝักไปแล้ว ที่ดูเหมือนกำลังโอบล้อมเราอยู่ ทำให้ความเหนื่อยของเราลดลงบ้าง และแน่นอน MRBADBOY ได้หยุดแชะภาพกับต้นยางที่เรียงรายเหมือนมุม Perspective

เมื่อเราวิ่งมาจนถึงตีนสะพานบ้านท่าข้ามพัฒนา เราก็เบี่ยงซ้ายไปยังท่าลงล่องแก่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งลำน้ำเข็ก เมื่อทีมของเราครบ เราก็สวมใส่เสื้อชูชีพและหมวกกันน๊อค แล้วฟังวิธีการล่องแก่งอย่างปลอดภัย เช่น นั่งทับขาด้านหนึ่งบนขอบแพยางแล้วเอาเท้าอีกข้างหนึ่ง (ขึ้นอยู่กับว่านั่งขอบซ้ายหรือขวาของแพยาง) แหย่เข้าไปข้างใต้ส่วนของหมอนนั่งตรงกลางขอบแพยางช่วงที่เจอแก่ง เพื่อกันไม่ให้ตกลงน้ำเวลาเจอแก่ง ตอนแรก MRBADBOY ก็ทำแบบนั้นแต่พอเจอแก่งสองแก่ง คิดว่าเอาไม่อยู่ และดูเหมือนไม่ถนัด เหมือนเทน้ำหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อนๆในทีมเด้งลงมากองตรงกลางแพยาง ก็เลยลองเปลี่ยนท่านั่งเอาขาทั้งสองข้างคร่อมส่วนหมอนตรงกลางของแพยาง ผลปรากฏว่ามันเวอร์ค เป็นความถนัดส่วนตัวนะครับ

เราใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมงกับระยะทางประมาณ 8 กม. ผ่าน 15 แก่งที่มีระดับความยากง่ายแตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดไฮไลท์ 4-5 จุดที่ทำให้เราตื่นเต้น ระทึกใจและได้เสียวด้วย มีทั้งแก่งต่างระดับที่หักลงมาที่คิดว่าแพต้องล่มแน่ แก่งคดเคี้ยวหักเลี้ยวเป็นตัว S แก่งไล่ระดับเป็นชั้น ๆ เหมือนบันได ต้องขอตบมือให้กับฝีมือและความชำนาญของนายหัวและนายท้ายที่ประคับประคองแพไปด้วยดี เนื่องจากน้ำน้อยกว่าปรกติของช่วงล่องแก่ง เลยทำให้เราเหนื่อยหน่อยกับการใช้เวลานานในการพายในช่วงน้ำนิ่ง จนเมื่อยก็สลับข้างนั่งกัน

เมื่อเราขึ้นฝั่งมาแล้ว กิจกรรมยังไม่จบ เราต้องช่วยกันแบกแพยาง หนักมาก เหมือนหน่วยซีล ไปที่ฐานเชือกที่เราต้องกระโดด เดิน และปีนบนเชือก ก่อนที่จะกลับมาแบกแพยางอีกครั้งไปเข้าเส้นชัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *