ฮอกไกโดหน้าร้อน ทำให้หลายๆ เมืองมีนักท่องเที่ยวน้อยมากจนถึงน้อยที่สุด โดยเฉพาะเมืองฟูราโน่ (Furano) ที่ พวกเราไปชมความงามของทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ที่สวยงามช่วงหน้าร้อนนี้ รวมทั้งดอกลาเวนเดอร์ที่เป็นไฮไลท์ เห็นได้จากร้านค้าและร้านอาหารหลายร้านในเมืองปิด เพราะว่า ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาช่วงฤดูหนาว สนุกกับการเล่นหิมะและดูการแกะสลักรูปปั้นน้ำแข็ง
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_111206-1024x576.jpg)
การเดินทางจากโอตารุมาฟูราโน่ เรานั่งรถไฟมาที่ซัปโปโร เพื่อมาต่อรถไฟขบวนพิเศษ Limited Furano Lavender Express ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นเท่านั้น จากเดือนมิถุนายนถึงกันยายนของทุกปี รถไฟขบวนที่เรานั่งมีชื่อว่า North Rainbow เพราะว่าแต่ละขบวนมีสีหลากหลาย แต่เราได้รีเสริฟที่นั่งผ่านบัตร Hokkaido Rail Pass
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190817_164135-1024x576.jpg)
การเดินทางจากซัปโปโรไปถึงฟูราโน่ใช้เวลา 2 ชั่วโมง รถไฟขบวนนี้มีผ้าคลุมเบาะรองหัวเป็นลายดอกไม้ชนิดต่างๆ รวมทั้งดอกลาเวนเดอร์ ดอกทิวลิป และดอกทานตะวัน นั่งรถไฟนานๆ ก็เมื่อย MRBADBOY ก็เลยออกไปเดินยืดเส้นยืดสายและสำรวจโบกี้อื่นๆ ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร และถือโอกาสเข้าห้องน้ำด้วย
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_093415-1024x576.jpg)
หลังจากผ่านประตูเปิดปิดอัตโนมัติ MRBADBOY ได้เดินเลียบทางเดินด้านข้างรถไฟและลงไปชั้นล่าง แล้วก็ต้องรู้สึกแปลกประหลาดใจที่พบว่า มีแบบนี้ด้วยหรือ นั่นคือ ที่นั่งด้านหนึ่งเป็นโซฟายาวรูปตัว U เล็กน้อย พร้อมกับโต๊ะขาเดียวเล็กๆ อีกสามตัว ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นราวเหล็กที่หุ้มด้วยหนัง 4 ที่พร้อมทั้งที่รองแก้วและขวดด้วยตรงขอบหน้าต่างบานใหญ่ MRBADBOY เดาว่า น่าจะเป็นที่นั่งสำหรับดูวิวสองข้างทางได้เป็นอย่างดี
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_111330-1-1024x576.jpg)
ระหว่างที่กำลังนั่งเพลินๆ บนโซฟา ก็มีเด็กผู้ชายญี่ปุ่นโผล่เข้ามาพร้อมกับคุณยาย มานั่งด้วย MRBADBOY ก็เลยได้มีโอกาสสนทนาทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นแบบพอเข้าใจได้ว่า คุณยายและคุณตากำลังส่งหลานๆ สามคน รวมทั้งพี่สาวอีกสองคน กลับไปหาพ่อแม่เขาที่ฟูราโน่
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_111854-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_112143-1-1024x576.jpg)
เมื่อมาถึงสถานีฟูราโน่ MRBADBOY ได้ขอถ่ายรูปกับคุณตาคุณยายและหลานๆ ก่อนแยกจากกัน ทางขึ้นลงแต่ละชานชาลามีรูปของแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว ที่ขาดไม่ได้คือ ทุ่งลาเวนเดอร์ ลืมบอกไปว่า MRBADBOY ได้กรอกแบบสอบถามที่เสียบอยู่บนรถไฟเพื่อนำไปแลกกับของที่ระลึกกับเจ้าหน้าที่ตรงทางออก เป็นโปสการ์ดเกี่ยวกับฟูราโน่หนึ่งชุดมี 4 แผ่น และได้เขียนแล้วติดแสตมป์ส่งกลับมาที่บ้านที่ไทยเลย
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_123844-576x1024.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_132003-1024x576.jpg)
เราเดินลากกระเป๋าตามหาที่พักที่จองไว้สักพักหนึ่งคือ Minshuku Mutsukari ราคาต่อคนคืนละ 3,520 เยน เป็นห้องใหญ่ๆ ที่นอนแบบสไตล์ญี่ปุ่น ห้องน้ำรวม เมื่อเราทำธุระเสร็จแล้ว ก็ออกไปหาอาหารกินสักหน่อย เดินกลับไปยังสถานี และเดินไปตามถนนตรงข้ามเพื่อจะมุ่งหน้าไปยัง Furano Marche เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีทั้งร้านขายพืชผลของเกษตรกรท้องถิ่น ร้านกาแฟ ขนม มุมนั่งพัก ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ และใกล้ๆ กันคือ Ralse Mart ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_133217-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_133338-1024x576.jpg)
แต่ MRBADBOY เลือกที่จะกินร้านราเม็งที่เล็งเอาไว้ เมนูน่าตาน่ากินทีเดียว ที่อยู่ข้างนอก Furano Marche แล้วเราได้กลับไปยังสถานีเพื่อจะนั่งรถไฟโนร็อคโกะ Norokko Train ที่ให้บริการช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของทุกๆ ปีเท่านั้น เพื่อพานักท่องเที่ยวไปชมดอกไม้บานที่ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) อันเลื่องชื่อ ชมสวนดอกไม้หลากสี ทุ่งลาเวนเดอร์
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_135742-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_140313-1024x576.jpg)
รถไฟสไตล์เก่าแก่ โนร็อคโกะ ดูน่ารักเชียว กับหัวรถจักรสีสันฉูดฉาด ขณะที่ตัวโบกี้ออกโทนน้ำตาล ที่น่าสนใจคือ ที่นั่งถูกจัดเป็นสองแบบ คือนั่งแบบปรกติฝั่งหนึ่ง และอีกฝั่งหนึ่งเป็นแบบหันหน้าไปทางหน้าต่างเพื่อชิมวิวข้างทาง บนพื้นจะมีแผ่นเหล็กเป็นรอยเท้าของสัตว์พร้อมกับชื่ออุทยานแห่งชาติคุชิโระชิสึเง็น (Kushiro Shitsugen)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_142607-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/P8160177-1024x768.jpg)
ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาที ก็มาถึงสถานี Lavender Farm และเดินต่อไปยังฟาร์มโทมิตะ พร้อมๆ กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น จีน และเกาหลี เราทั้งทึ่งและตื่นเต้นกับทุ่งดอกไม้นาๆ ชนิด ที่กว้างใหญ่ตั้งแต่แรกเข้าทางขวามือ เรารีบเดินไปยังจุดที่มีคนถ่ายรูปกันเยอะๆ พร้อมกับป้ายชื่อ Farm Tomita ที่น่าสนใจคือปลุกไม้ดอกพันธุ์ต่างๆ สลับกันเป็น 7 สีอย่างสวยงามมาก
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_144146-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_143641-1024x257.jpg)
หลังจากถ่ายรูปที่จุดแรกแล้ว เราได้เดินเข้าไปในเรือนกระจกและดูการเพาะเลี้ยงดอกลาเวนเดอร์ในช่วงอายุที่ต่างกัน โดยเฉพาะดอกลาเวนเดอร์ชื่อ Noshi Hayazaki ของที่นี่ รวมถึงไม้ดอกอื่นๆ MRBADBOY ได้เดินชิลๆ ตามเส้นทางเทรล Sakiwai Trai เพื่อจะไปหาของไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดของที่นี่ คือ ซอฟท์ครีมลาเวนเดอร์ ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งไม่ชอบกลิ่นแรงๆ ของลาเวนเดอร์ แต่จริงๆ แล้ว ไม่เลย
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_144530-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_145018-1024x576.jpg)
ได้เวลาเดินต่อ MRBADBOY ได้เดินไปทาง Perfume Workshop แต่ปิด ระหว่างทางเดินกลับเห็นผลแดงๆ ชื่อว่า Nagasaki Crab Apple เข้าเว็บดู มันคือแอปเปิ้ลสายพันธุ์ป่าสายพันธุ์หนึ่ง
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_150442-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_151153-1024x576.jpg)
เดินผ่านมาเจอ Dry Flower House ที่ข้างในประดับตกแต่งไปด้วยดอกไม้แห้งเต็มไปหมด
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_151818-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_152249-1024x576.jpg)
ก่อนกลับ เราได้แวะ Melon House เพื่อจะชิมเมล่อนหวานๆ ทั้งสีเขียวและสีส้ม มีทั้งขายชิ้นเดียวและแพ็คคู่ ไหนๆ ก็มาถึงถิ่นแล้ว จัดไปเลยหนึ่งแพ็ค 500 เยน แต่เสียดายไม่ได้ลองขนมปังเมล่อน
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/P8160184-1024x768.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/P8160185-1024x768.jpg)
เมื่อเรากลับมาที่ตัวเมืองฟูราโน่ เราก็เดินไปศาลเจ้าฟูราโน่ (Furano Shrine หรือ Shinto Shrine) ประมาณ 15 นาทีจากสถานีฟูราโน่ ศาลเจ้านั้นได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1902 ค่อนข้างเงียบสงบ เมื่อเดินผ่านแท่งเสาปูนไปยังตัวอาคารของศาลเจ้าและเจอ komainu หรือ lion dog ที่เฝ้าก่อนถึงตัวอาคาร ด้านข้าง MRBADBOY ได้เดินไปยังสองทางแยกที่มีแท่งเสาสีแดง Torii ที่มี หนึ่งแท่งและสามแท่ง ไปยังศาลเจ้าต่างๆ
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_173621-1024x576.jpg)
![](http://www.mrbadboygo.com/wp-content/uploads/2020/04/20190816_173844-1024x576.jpg)
เย็นมากแล้วและก็หิว ร้านอาหารก็ปิดไปบ้าง เจอร้านแกงกระหรี่ที่ดูดีร้านหนึ่งชื่อ Furanoya เปิดอยู่ หลังจากหาข้อมูล ได้พบว่า ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องน้ำซุป และสามารถเลือกความเผ็ดของน้ำแกงได้ด้วย MRBADBOY สั่งแกงกระหรี่ผักต่างๆ รสชาติเข้มข้นดีจัง หลังจากนั้นแวะ Furano Marche ก่อนเข้าที่พัก