“อเล็กซ์ เรนเดลล์” โดนวิจารณ์ไม่เหมาะบทพระเอก

นักแสดงและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “อเล็กซ์ เรนเดลล์” เล่าถึงเหตุกาณ์ที่ทำให้รู้สึกเฟล เมื่อเจอคำวิจารณ์โดนกระแสตีกลับว่าไม่เหมาะสมที่จะรับบทพระเอก ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตและบทเรียนครั้งใหญ่ของการปฎิเสธคนไม่เป็น ชอบช่วยเหลือคนอื่นเกินลิมิตจนไม่มีเวลาให้กับตัวเอง ในรายการ Woody FM ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น. ทาง Podcast: WOODY FM, Facebook และ YouTube: Woody

วันนี้พอใจกับตัวเองหรือยัง
อเล็กซ์: ผมคิดว่าผมมาได้ไกลกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับคือปกติตอนนั้นที่มันอยู่ในช่วงที่เราจะประสบความสำเร็จในวงการนี้หรือไม่ช่วงมหาวิทยาลัย18-19ปีแล้วเราก็เห็นคนรุ่นเดียวกันเขาไปได้ไกลกันแล้วแต่เราก็ยังค่อยๆเป็นค่อยๆไป อาจจะเป็นด้วยว่าเราเดินไปในทางของการเป็นนักแสดงที่มองว่าไปในทิศทางที่ค่อยเป็นค่อยไปค่อยๆสะสมไปเป็นสิ่งที่ถ้าเราแสดงเก่งตั้งใจแสดงวันข้างหน้ายังไงเราก็จะมีอาชีพในด้านการเป็นนักแสดงอยู่เรื่อยๆณจุดนี้ผมคิดว่าผมมาได้ไกลมาก ไกลกว่าที่คิดคิดว่าประสบความสำเร็จแล้วในระดับหนึ่งชีวิตส่วนตัวในการงานก็ประสบความสำเร็จด้วยความที่เราเป็นคนอยากจะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด

คำว่าเฟล คณนึกถึงเหตุการณ์ไหนที่สุด
อเล็กซ์: รู้สึกว่าเราเฟลอยู่ตลอดเวลานะครับแต่ว่าด้วยความที่เราเป็นคนมองว่าทุกความผิดพลาดมันคือการเรียนรู้เราไม่ใช่คนที่ฟังคนง่ายๆนอกจากเจอกับตัวเองเหมือนบทเรียนรู้อะไรบางอย่างที่บอกตัวเองว่าห้ามเฟลเรื่องเดิมซ้ำ2รอบเท่ากับว่าเราไม่ได้เรียนรู้แต่ถามว่าเฟลที่สุดน่าจะเป็นช่วงที่เราเล่นละครเรื่องสุดแต่ใจจะไขว่คว้าเราคิดในตอนนั้นว่าเราจะมาเป็นคือคนรอบตัวเราในช่องเขาพูดว่าคุณจะเป็นเคนธีรเดชคนต่อไปเราก็แบบเหรอแล้วตอนนั้นพี่เคนดังมากเราก็คิดว่าคงไปในทิศทางนั้นแล้วเรากำลังจะได้เล่นเป็นพระเอกเรื่องแรกพอละครออนไปเสร็จตอนนั้นถูก Pantip กระหน่ำมากไม่พร้อมไม่ใช่ยังไม่ถึงเวลาแล้วมันก็เป็นเหมือนการทดสอบความจริงอะไรบางอย่างที่เราต้องมาเช็กตัวเองตอนนั้นมันก็เศร้านะพี่เพราะเราไม่รู้เลยว่ามันจะมีผลกับเราแต่ตอนนั้นเราอายุ18-19แล้วคิดว่าเราจะขึ้นแล้วเหมือนมีคนมาทำให้เราลงมาอย่างงี้เลยเป็นบทเรียนที่ดีมากๆที่เป็นจุดเปลี่ยนของหลายๆอย่าง ฉะนั้นผมอยากที่จะเป็นนักแสดงที่เก่งอยู่ตลอด ศึกษาอะไรเอง ทำอะไรเองได้ พยายามจะไปเรียนการแสดง แล้ว ณ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียง ก็เลยศึกษากับตัวเองจนเข้าใจในการแสดงเลยรู้ว่าถ้าไปทางที่เราถนัดจริงๆคือแสดงให้มันดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มันจะเป็นอาชีพของเราไปได้เรื่อยๆ

ชีวิตส่วนตัวต้องระวังเยอะไหมในสังคม
อเล็กซ์: จริงๆชีวิตผมไม่ค่อยมีอะไรยกเว้นงานครับผมไม่ได้มีสังคมที่เป็นเพื่อนนักแสดงแบบสมัยก่อนแล้วผมจะมีกลุ่มเพื่อนกลุ่มเดียวที่แบบพอหลังจากการทำงานเราก็จะเจอกันแต่กลุ่มนี้เพื่อนครอบครัวแฟนแค่นี้ครับรู้สึกว่ายิ่งเติบโตวงกลมของเรามันเล็กลงเรื่อยๆแต่มันแน่นขึ้นความสัมพันธ์ของคนรอบตัวมันดีขึ้นเรื่อยๆรู้สึกว่ามีแค่นี้มันแฮปปี้มากๆแล้วไม่ค่อยชอบใช้ชีวิตที่มันแบบอะไรเยอะแยะมากมายเวลาว่างก็อยากจะอยู่กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย 100%

อะไรที่ทำบ่อย แล้วมารู้ตัวอีกทีว่าเราไม่น่าทำเลย
อเล็กซ์: มีครับอย่างแบบการอยู่กับสังคมวงการคือแยกไม่ออกระหว่างความสัมพันธ์ในการทำงานกับความสัมพันธ์ส่วนตัวเมื่อก่อนมันจะถูกรวมเป็นสิ่งเดียวกันแล้วรู้สึกว่าพอทำไปสักพักแล้วมันไม่ใช่พอเราไปอยู่ในโลกวงการบันเทิงเยอะๆมันจะดึงเราไปเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้อยากที่จะเป็นอยู่ที่ว่าเราจะดึงตัวของเราออกมาได้หรือเปล่าผมเป็นคนที่ค่อยข้างใจดีปฎิเสธคนไม่ค่อยเป็นซึ่งเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่หลังๆ มานี้คือผมทำงานด้านสิ่งแวดล้อมคนจะมองว่าเราใจดีซึ่งเราคิดว่าเราเป็นคนใจดีนะ พอเวลาเราใจดีมากๆสุดท้ายคนที่ต้องมาเหนื่อย ต้องมาเป็นเหยื่อก็คือตัวเรามีความคิดว่าอยากที่จะไปช่วยอยากที่จะไปทำจนมารู้อีกทีมันเหนื่อยกับการที่เอาความรู้สึกคนอื่นมาอยู่ข้างหน้าเราตลอดทำเพื่อคนอื่นไว้ก่อนเดี๋ยวเราค่อยว่ากันได้ซึ่งมันมีลิมิตทำได้แต่พอทำทุกวันมารู้ตัวอีกทีทำไมเราเหนื่อยเหมือนมันไม่ได้ดูแลความรู้สึกของตัวเองยอมที่จะแบกความรู้สึกของคนอื่นมาอยู่ที่เราเพื่อที่จะให้เขารู้สึกโอเคพอมาสักพักหนึ่งมันเริ่มไม่ใช่แล้ว

จุดไหนที่รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว
อเล็กซ์: จุดที่เราช่วยคนอื่นจนกระทั่งไม่มีเวลาทำอะไรเป็นของตัวเองอย่างผมทำเรื่ององค์กรช่วยหน่วยงานเยอะแยะมากมายช่วยด้วยความที่อยากจะช่วยแต่สุดท้ายองค์กรของเราไม่เดินเพราะเราไม่มีเวลามาประชุมไม่มีเวลาที่จะมานั่งจัดแจงโน้นนี่นั่นแล้วทุกปัญหาที่มันเกิดขึ้นถ้าเกิดเราย้อนกลับไปเรื่อยๆมันจะรู้ว่าจุดกำเนิดของปัญหาคืออะไรแล้วมักจะเป็นเพราะว่าเราไม่มีเวลาหรือเราไม่ได้ไปใส่ใจกับรายละเอียดตรงนั้นเพราะเอาเวลาของเราไปมอบให้กับสิ่งที่ทั้งดีกับไม่ดีบ้าง

คุณมีกระบวนความคิดที่เปลี่ยนไปยังไงหลังจากนั้น
อเล็กซ์: คิดว่าต้องเอาคนของเราก่อนณตอนนี้ผมอายุ33มีความรับผิดชอบเยอะแยะมากมายเรามี2 บริษัทมีครอบครัวมีละครที่ต้องเล่นต้องทำให้ตรงนี้ทุกคนมันแน่น ทุกคนแฮปปี้ให้ได้ก่อนที่เราจะไปให้ความสุขกับคนอื่นๆครับหลังๆก็กล้าปฎิเสธขึ้นคิดว่ามาถึงจุดที่เราโตพอที่จะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดีสำหรับตัวเราเองไม่จำเป็นต้องรอการประเมินของคนรอบข้างเราทำงานหนักทำงานเต็มที่ให้ใจกับทุกอย่างที่เราทำเพราะฉะนั้นจะรู้เองว่าสิ่งที่เราทำดีหรือไม่ดี

ติดตามและอัปเดตข่าวสารได้ทาง Facebook, YouTube: Woody, Instagram: Woodytalk, Twitter: @Woodytalk, TikTok: woodywoody, LINE: @woodytalk

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *