“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ลงแข่ง “อ๋อม สกาวใจ” วัดกันที่แนวคิด

“ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ย้าย 4 พรรคการเมืองภายใน 4 ปี จนหลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถูกซื้อตัวหรือมีปัญหาอะไรกับคนในพรรค ล่าสุดมาเปิดใจในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 16.00 น. ทางช่อง 8 กดเลข 27 และทางยูทูบช่อง 8

ถูกมองว่าไม่น่าจะใช่เส้นทางที่ดี
ที่เราย้ายหลายที่มันส่งผลบั่นทอนให้กับเรานะ คือเราไม่ได้มองเรื่องนั้นเลย ต้องบอกว่าบางกลุ่มเขามองว่าเราอาจจะมีความสามารถ เพราะหลายพรรคก็จะต้องการดึงเราไปร่วมงานด้วย เลยคิดว่าทางไหนที่มีโอกาสที่จะดึงเราไปทำงานได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้เป็นทุกพรรคที่จะผลักดันในสิ่งที่เราต้องการนำเสนอ แต่สิ่งที่เราอยากจะนำเสนอก็คือมีการดันแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีต่างๆ

อะไรทำให้กลับมาเล่นการเมือง
อยากจะบอกทุกคนว่าจุดยืนเราแข็งแรงมาก แล้วก็คือสิ่งเดียวเลยคืออยากให้ชีวิตของพ่อแม่พี่น้องดีขึ้น และวันนี้เราได้รับโอกาสที่มากกว่าคนอื่น แต่ก็ยังขอยืนยันคำเดิมว่าทำไมถึงเปลี่ยนกลายพรรค คืออยากให้มองมาที่ตัวเรามากกว่าว่าต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการทำงาน อยากจะพูดคำเดิมนะว่ามันดีกว่าไหม ถ้าเราคิดหาช่องทางในการหาเงินให้ประเทศไทย และคิดว่าบ้านเราเด่นเรื่องอะไร เราก็ใช้เรื่องนั้นมาขับเคลื่อน อย่างบ้านเมืองเราแข็งแรงเรื่องวัฒนธรรมการท่องเที่ยว แต่ไม่มีใครทำเรื่องนี้ให้มันเด่นขึ้นมาเลย จึงอยากส่งออกสิ่งนี้ออกไปให้ชาวโลกได้รู้ เพื่อเป็นการหารายได้กลับมายังประเทศไทย

การเตรียมพร้อมในการลงสู้ศึกการเมืองครั้งนี้
คือไม่มีอะไรมาก แค่ต้องการดันนโยบายที่อยากซัพพอร์ตประชาชน เราเชื่อว่าทุกคนไม่อยากกลับไปทำงานในแบบเดิมๆ ตามแบบแผนดั้งเดิมอย่างเช่น ทำไมเราเรียนจบมาแล้ว ไม่ไปทำสิ่งที่มันต่อยอดได้ เพราะยุคนี้มันมีสิ่งเทคโนโลยีที่รองรับเราได้ และมันเป็นช่องทางการได้เงินกลับมาด้วย มันก็จะดีกว่าที่สนับสนุนและซัพพอร์ตกัน

หลายคนคิดว่าเราอาจจะโดนซื้อตัวหรือเปล่า
เราจะบอกว่าเราเป็นแค่จิตอาสาในเรื่องของการเมือง เราแค่อยากจะมาทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศชาติ อย่าคิดว่าเราถูกซื้อตัว ให้เปลี่ยนเป็นส่งกำลังใจเชียร์ดีกว่า ว่าเราได้รับโอกาสจากพรรคที่ใหญ่ขึ้น คล้ายการเป็นนักกีฬาแหละ ว่าถ้าเราทำดีก็ต้องถูกทีมต่างๆ ดึงตัวไป

มองการแข่งขันในสังคมการเมืองยังไง
กลางเมืองนั้นเป็นประชาธิปไตยของทุกคน อย่าเอาอารมณ์เข้าไปร่วมกับมัน แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตยก็เหมือนกันที่จะต้องอยู่บนพื้นฐานที่สามารถคุยกันได้ อย่าด่าอย่าว่ากันเลย อยากให้ทุกคนเปิดใจให้เป็นสมัยใหม่ เพราะเชื่อว่าทุกคนมีอดีต เราเองก็มีอดีตที่ผ่านมา แต่อนาคตต้องมีการปรับเปลี่ยนหลักการไปสภาพเพื่อไปสู่ความเจริญ ความไม่ขัดแย้งกัน มันต้องเป็นช่องทางเดียวกันที่เป็นประโยชน์ ทุกคนอย่าเอาอารมณ์มาร่วมกัน ทุกคนเปิดใจฉันเริ่มต้นใหม่แล้วมองไปที่นโยบายของแต่ละพรรค ถ้ามันมีสิ่งที่ต้องกับใจเรา มันก็จะดีกับทุกคน

“อ๋อม สกาวใจ” เธอจะไปสู้เขาเหรอ เขาแรงนะ
จริงๆผมไม่ได้จะไปแข่งอะไรกับใครเลย และผมไม่ได้ลงที่สะพานสูงด้วย คือตัวผมเอง เข้ามาบอกจุดยืนตั้งแต่แรกแล้วว่า ผมถนัดอยู่ส่วนกลาง อาจจะเป็นบัญชีรายชื่อ ปาร์ตี้ลิสต์นั้นเอง คือแล้วแต่ครับ อนาคตถ้ามองว่ามันควรจะไปลงเขต อันนี้ก็ต้องมาคิดกันอีกรอบหนึ่ง ตัวผมเองมองว่าผมเดินช่วยทั้งประเทศจะมีประโยชน์กับพรรคมากกว่า

จริงๆเธอจะชนะอ๋อมได้เหรอ
ก็อยากจะบอกนะครับว่าจริงๆแล้ว มันก็ต้องวัดด้วยแนวคิดครับ สมมุติผมได้ลงเขต อันนี้ก็ต้องเป็นเขตที่ผมดูแลแล้วมันขึ้นอยู่ที่ผมไปทำการบ้านครับว่าเขตนั้นๆขาดเหลืออะไรบ้าง ประชาชนเดือดร้อนอะไรบ้าง มีจุดอ่อนตรงไหนที่ผมจะซ่อมแซม หรือบำรุง ต้องลงพื้นที่และวิเคราะห์ทุกอย่างครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *