“แอน อรดี” หมอลำฟิวชั่นสุดปัง วีรกรรมรักสุดแซ่บ

“แอน อรดี” สุดยอดนักร้องสาวที่มาแรงในตอนนี้กับเพลงใหม่ล่าสุด “บังเอิญมันได้อ่ะ” ที่มียอดวิวแตะ 10 ล้านวิวแล้ว อีกเธอยังสร้างความฮือฮาในวงการเพลง ด้วยเสียงที่มีเอกลักษณ์และสไตล์ที่โดดเด่น จน เบิ้ล ปทุมราช ได้ให้ฉายา “ราชินีหมอลำฟิวชั่นยุคใหม่” แชร์ประสบการณ์ด้านการทำงานและเส้นทางความรักที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดปัง ทำให้คนฟังยิ่งหลงรักในตัวเธอมากยิ่งขึ้น ในรายการ “เมาท์กับคิ้ม”

ราชินีหมอลําฟิวชั่นยุคใหม่ยาวขนาดนี้ใครตั้ง?

แอน อรดี: คุณเบิ้ล ปทุมราชค่ะ หนูได้มีโอกาสไปออกรายการของเขา

ตอนนี้งานเยอะขนาดไหน

แอน อรดี: ตอนนี้งานลากยาวมาเป็นปีที่4 แล้วที่ยังไม่ได้พักเลย 4 ปีที่ผ่านมานี้ตกวันละ2 -3 งาน

หน้าเวทีมีใครไปตีกันบ้างมั้ย

แอน อรดี: มีค่ะคือประมาณว่าอยู่ข้างหน้าเวทีเนี่ยเค้าก็จะสนุกแล้วส่วนมากเอ่อในช่วงหลังๆ มันจะมีแต่เพลงที่แบบโจ๊ะโจ๊ะ เขาก็จะมาแบบเล็งๆกันก่อนแต่เราก็ต้องดูด้วยนะคะสังเกตดูด้วยว่าแบบกลุ่มนี้กลุ่มนี้เป็นยังไงอะบางทีน้องข้างหลังเขาก็จะให้ระวังนะพี่แอนว่าจะมีแบบมีวัยรุ่นนะอะไรเงี้ย

เพลงไหนที่ตีกันบ่อย

แอน อรดี: แม่ห้างน้อย มันเป็นเพลงแก้มาจากแม่ห้างมหาเสน่ห์ของคุณพี่ไหมไทยค่ะ ซึ่งมันก็จะเป็นเวอร์ชั่นของแอนที่แอนทําเร็วขึ้น พอขึ้นท่อนนี้ปุ๊บ เท่านั้นแหละ

ใน4 ปีที่ผ่านมามีทั้งหมดกี่ชุด

แอน อรดี: ล่าสุดหนูตัดเดือนละประมาณเกือบ 4 เซต แบบก็จะมีสายคอสตูมที่เขาเป็นช่างที่แบบ หนูโชคดีที่เขาดูแลหนูมาตั้งแต่แรกเลยเขาก็จะเข้าใจว่าเราใส่อันนี้ได้ เราใส่แบบนี้แล้วสวยนะ การแต่งหน้าทําผมแล้วก็เสื้อผ้ามันจะเป็นเทรนด์ไหน ดูค่ะ ก็ต้องดู ดูทุกอย่างหนูจะเป็นคนที่ชอบเรียนรู้แฟชั่นอะไรต่างๆตามไอจีเวลาแต่งตัวแบบกระโปรงสั้น ๆ เราก็ต้องใส่เซฟไว้ ใส่ขาสั้น

เคยโดนลวนลามบ้างมั๊ย และมีวิธีรับมือยังไง

แอน อรดี: หนูว่าต้องระวังตัวเองค่ะระวังตัวเองมากขึ้นก็เรียนวิชายุทธมาจากพี่ใหม่ พัชรีอยู่เหมือนกัน แกเป็นสายเคาะ แล้วก็ด่าเลย

นักร้องเนี่ยส่วนใหญ่คิดว่า ติ๊บ คือฝนโปรยปราย

แอน อรดี: มันคือพลังถ้าวันไหนรู้สึกแบบอยู่ห่างไกลจากคนดูรู้เลยว่ามันเข้าไม่ถึงแน่นอนบางคนเค้าอยากมาเห็นหน้าเราใกล้ๆ เค้าก็แค่ยื่นแบงค์มามันเป็นการแลกเปลี่ยนกัน หรือบางทีเค้าอยากจะคุยกับเรา หรือบางทีเค้าอยากจะเดินเข้ามาหาเรา บางคนให้ก็ให้อยู่นั่นแหละ ให้จนจบคอนเสิร์ตก็มีมันค่อยๆให้ 20 อะแม่หนูก็เอาอะ หนูก็เข้าใจ คือหนูจะพยายามเข้าใจทุกคนว่า เค้าก็คงรอเค้าคงจะมีความตื่นเต้นของเค้ากว่าเขาจะจะมาเจอเราแล้วมันเป็นยังไงน้องก็อยากให้ประทับใจใช่จริงจริงมันไม่ได้เกี่ยวกับสิบยี่สิบบาทเพราะว่าพวกเราจะรู้สึกว่านั่นคือน้ําใจ

เคยได้ทิปคนเดียวมากที่สุดเท่าไหร่

แอน อรดี: หน้าเวทีที่เคยได้รับก็ประมาณสามหมื่น คือเป็นแบงก์พันแล้วก็ให้เลย 30,000 บาท และอีกงานเป็นแฟนคลับคุณแม่ท่านหนึ่ง มาจ้างงานให้ไปร้องเพลงที่บ้านเขาก่อนที่จะถึงวันแสดง เขาก็นัดให้ไปกินข้าวบ้านแม่ก่อน ชวนเพื่อน ชวนพี่ๆ ผู้จัดการไป บ้านเขาน่าจะเป็นจุดเช็คอินของขอนแก่นอีกที่นึง สวนนันทนา หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านเป็นใคร แล้วแบบอยู่ดี ๆ ท่านก็ ก็เรียกไปหาแล้วพอตอนที่จะกลับค่ะอยู่ดี ๆ ท่านก็แบบ เหมือนก็ยัดเงินให้ก้อนนึง เป็นเงินหนึ่งแสนบาท หนูก็งงหนูก็แบบอะไรอะคะ คือเป็นค่าจ้างเหรอ หนูไม่รู้ว่ามันคืออะไร แกก็เลยบอกว่า แม่ช่วยซื้อบ้าน คือตอนนั้นเป็นบ้านหลังแรกของหนู

เพลงแรกของหนูที่ดังใน TikTok

แอน อรดี: ลืมฮูดซิป เป็น cover หน้าเวทีคือเวทีแสดงสด แล้วเขาก็ตัดคลิปเอาไปลง จนกลายเป็นไวรัล เพลงนี้มันมีความรู้สึก มันใช่ฝนมันจะลุกเลยอะตอนที่เราร้องหนูเห็นแต่คนยกโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างนี้ คนประมาณ 6000คนได้ วันนั้น

คําว่าดังในความรู้สึกของเรา อะไรที่บอกว่าอันนี้คือดัง

แอน อรดี: หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองจะดัง แม่ไม่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นที่รู้จักขนาดนี้คือเราอยู่แค่อีสานน่ะพอคนอีสานรู้จักเราเราแค่นี้ภูมิใจอะ รู้สึกว่าหนูภูมิใจแล้วอะไรเงี้ยแต่พออันเนี้ยมันแมสทั่วประเทศที่แบบคนใต้คนเหนือคนภาคกลางเค้ามารู้จักเราอะไรเงี้ยกลุ่มของน้องๆวัยรุ่นด้วยอะไรอย่างเงี้ยมันก็ทําให้หนูแบบรู้สึกดี

แล้วมีเพลงอะไรอีกต่อจากนั้น

แอน อรดี: ก็ยังไม่มีค่ะหนูก็จะทํา coverออกมามันก็จะมีแบบมีติดบ้างไม่ติดบ้างแล้วแต่เมียเช่าก็เป็นเวอร์ชั่นที่เพราะสุดในที่เขา coverกันนะคะ

บังเอิญมันได้เนี่ย ขนลุกอีกไหม

แอน อรดี: บังเอิญมันได้มันเป็นเรื่องหนูว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกเพราะจริงๆ แล้วบังเอิญมันได้คือต้องถ่าย mv เมื่อวานแต่ว่าบังเอิญมันได้ มันเป็นเพลงแบบช่วงนี้เรามาตลาดทางภาคกลาง ภาคเหนือเยอะลองเอาเพลงที่มันกลางๆ ที่ไม่ใช่แนวของเราเหมือนอาจารย์เค้าก็เขียนมาเลยแล้วหนูก็ชอบแบบชอบทํานองเมโลดี้ชอบคําไหนก่อนคําแรกในประโยคไหนที่อยู่ในเพลงนี้เรารู้สึกว่าเออมันได้หนูก็ชอบตั้งแต่คําแรกว่า “คิดว่าตัวเองเป็นคนตลกแต่พอมองกระจกอ้าว เป็นคนสวย” คือมันคิดภาพตัวเองออกว่าแบบ เออ นี่แหละคือแอนเป็นคนขี้เล่นด้วย

เมาท์หน่อยว่าเขาจีบเราหรือเราจีบเขาก่อน?

แอน อรดี: คือมันเหมือนกับว่าเขาตะล่อมหนูมาตลอดอยู่แล้วเงี้ยเขาหมายหยอกไก่เล็กๆ แต่เราก็เราก็มีแฟนไงแม่ แต่เขาโสด หาเรื่องหอมแก้มเรา หรือหาเรื่องใกล้เราอะไรอย่างนี้คือตอนนั้นไม่ได้คิดเลยค่ะ เพราะหนูไม่ค่อยชอบคนฟีลนี้ ทรงนี้

เค้าเป็นทรงยังไงเวลานั้นที่เรามองเห็นเค้า

แอน อรดี: เค้าเป็นผู้นําที่ดีนะแม่แต่ว่าหนูจะเป็นคนที่ไม่ชอบคนขี้โม้ขี้คุยบางทีก็จะชอบทักมาหาเราแบบว่ากดไลก์เพจให้พี่หน่อยสิอะไรอะคือแบบ อะไรอะ แล้วเป็นอะไร บอกว่ารําคาญหนูก็ไม่ตอบอะแม่ แล้วก็ชอบแบบว่าเมื่อไหร่จะมาไลฟ์สดพี่สักทีในช่วงนั้น ช่วงโควิดเมื่อไหร่จะมาไลฟ์สดพี่สักที พี่ก็รออยู่แต่ว่าพอเราได้ทํางานกับเขาจริงๆได้ไปเรียนรู้ มันก็มีอยู่ครั้งหนึ่งไปเรียนรู้วิถีชีวิตในอาณาจักรของเขามันก็จะเป็นสํานักงานหมอลํา ก็จะมีโดมมีห้องออฟฟิศ มีนู่นนี่นั่นเขาก็จะทําทุกอย่างแต่ว่าหนูชอบความเป็นระเบียบ ความมีแบบแผนความเป็นผู้นําที่ชัดเจนแล้วก็เขาจะเป็นคนที่ตรงมากๆเวลาที่เขาทํางานอะไรอย่างนี้ค่ะซึ่งหนูก็เป็นคนแบบนั้นจริงๆเหมือนๆ กันแล้วก็อีกอย่างเขาเป็นคนที่รักครอบครัวมากคือเขาอยู่กับแม่มาตั้งนานแล้วแล้วก็มีคุณยายก็เลยรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเขาก็เขาก็ดีนะเขาก็มีมุมที่ดี พอได้ร่วมงานสักพักก็เริ่มมีกระแสจิ้น ก็เริ่มมีบ้านคู่ เขาก็จะมีมาลัย ถ้าเกิดเราไปคู่กัน เราก็ไป พอไปปุ๊บก็ถ้าสมมติว่าเราไปที่บ้านเขา เขาก็จะเป็นคนจัดสคริปต์เพลงทั้งหมด แกจัดเพลงหมอลําที่มันแบบหยอกกันไปหยอกกันมาอะไรอย่างนี้ หนูก็ไม่ได้สนใจ หนูก็ยิ้มเฉย ๆ

เขาห่างจากเราเท่าไหร่

แอน อรดี: ประมาณ 4 5 ปีได้ค่ะ ปีนึงค่ะก็อยู่ด้วยกันเลยนะคะ ส่วนสินสอดทองหมั้นเนี่ย มีเงินสดสี่ล้าน ทองหนึ่งร้อยบาท ทองนี้คือเก็บด้วยกัน แล้วก็ที่ดินอีก

ได้ยินว่าเราไปอุปถัมภ์น้องฝาแฝด?

แอน อรดี: อันนี้ก็บังเอิญอีกเหมือนกันเรื่องน้องแฝดเนี่ย คือเป็นเรื่องที่หนูประหลาดใจคืออยู่ดีๆ วันนั้นจริงๆ หนูวิ่งงาน 3 งาน ก็อยู่งานด้วยกันสุดท้ายนั่นแหละ กับพี่บอยแต่ว่าเหนื่อยแล้วก็เลยขอกลับมาพักที่โรงแรมก่อน พี่บอยก็เลยยังอยู่ที่งานและคุณยายกับคุณแม่น้องแล้วก็มีครอบครัวเขาเหมือนกับว่าพี่น้อง เขาก็เอาน้องมาหาพี่บอยบอกว่าเอาเด็กไปเลี้ยงไหม เอาน้องไปเลี้ยงไหมคือยายดูแลไม่ไหวจริงๆเขาไม่มีบ้าน เขาเช่าห้องอยู่ ต้องบอกว่าคุณแม่น้องมีลูกทั้งหมด 6 คน คุณยายเขาก็เลยบอกว่าแบบเขาก็ไปขอพรจากศาลที่ไหนสักที่นึงอะไรอย่างนี้บอกว่าขอให้ได้เจอคนที่ดีเพราะว่า คือแม่แม่เขาขออนุญาตนะ คือแบบเหมือนเขาพยายามคิดสั้นหลายครั้งแล้วพอเหมือนเขาก็ดูแลลูกไม่ไหวอะไรอย่างนี้พี่บอยก็เลยรีบกลับมาหาแอนที่โรงแรมแล้วก็มาเล่าให้ฟังว่า มีคนจะเอาแบบ จะเอาลูกมาให้เลี้ยงแต่พอเราดูสีผิวของเขา เรารู้สึกว่าเขาไม่ใช่ไม่ใช่คนบ้าน ๆหนูก็เลยแบบ หนูก็ไม่เชื่อนะ หนูคิดว่าผีหลอกหรือเปล่าหรือว่ามันมีอะไรมาบังบทให้พี่แบบมองเห็นอะไรหรือเปล่าคือด้วยความที่ว่าพี่บอยเขาก็มีพระอาจารย์ที่นับถือ อยู่ที่เชียงใหม่โทรไปหาอาจารย์เลย คือหนูก็สายมูอยู่แล้วไงพอพระอาจารย์รับสาย มีคนจะเอาเด็กมาให้เราเลี้ยงทําไงดี พระอาจารย์ท่านก็เลยบอกว่า แฝดใช่ไหม ผู้หญิงหนูก็มองหน้ากัน มากับยายใช่ไหม ยายแบบผมหัวขาวเลย คือ ใช่ ยังก็เห็น ใช่แล้วหนูก็เลยบอกว่า เลี้ยงเลยไม่เป็นไรนั่นแหละคือลูกของคุณสองคนมันเหมือนจะ เหมือนมีบุญใช่ ที่จะมาเป็นลูกเรา แม่เชื่อไหมว่าก่อนหน้าเนี้ยทั้งปีอะ มีแต่คนฝันว่าหนูท้อง สักพักแป๊บนึงถ้า พระอาจารย์โทรมาอีกแล้วก็บอกว่าคนพี่อะชื่อพลอยนะคนน้องชื่อเพชรก็ตั้งชื่อให้เลยก็นั่นแหละค่ะสรุปก็ก็ได้เข้ามาเป็นในสมาชิกแล้วก็ตอนนี้หนูก็ทําเรื่องขอรับเป็นบุญธรรมเรียบร้อย ตอนนี้เด็กๆอายุสองขวบแล้วค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *