นิสสันจุดประกายสร้างความตื่นเต้นในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 กับ “นิสสัน ไฮเปอร์ ทัวร์เรอร์ (Hyper Tourer)” รถยนต์ไฟฟ้ามินิแวนต้นแบบกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจัดแสดงในไทยเป็นประเทศแรก พร้อมนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สตาร์ อิดิชั่น และรถยนต์ครบทุกรุ่นที่บูทของนิสสัน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 เมษายน 2567 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ “SAY YES” ที่มีข้อเสนอพิเศษหลากหลาย ตั้งแต่ดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้น 0% ไปจนผ่อนนาน 96 เดือน
อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธานนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าวว่า “นิสสัน เชื่อมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนขณะเดินทางด้วยกัน ดังนั้น รถยนต์ต้นแบบ ไฮเปอร์ ทัวร์เรอร์ จึงสะท้อนมุมมองใหม่ของนิสสันที่มีต่อการเดินทางด้วยกันได้อย่างชัดเจน ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรในอาเซียน เราเชื่อว่าแนวคิดการพัฒนารถต้นแบบ นิสสัน ไฮเปอร์ ทัวร์เรอร์ จะช่วยให้เรายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในอนาคต และมีความสุขกับการเดินทางได้อย่างหรูหรา สะดวกสบาย”
นิสสัน ไฮเปอร์ ทัวร์เรอร์ เป็นหนึ่งในรถต้นแบบ 5 รุ่น ที่นิสสันเปิดตัวในงาน เจแปน โมบิลิตี้ โชว์ 2023 มินิแวนรุ่นนี้ ผสมผสานจิตวิญญาณของการให้บริการแบบญี่ปุ่นเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ การขับขี่อัตโนมัติ ฟังก์ชัน V2X หรือ (vehicle-to-everything) และแบตเตอรี่ไฟฟ้าความจุสูงยังช่วยให้สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้าน ร้านค้า และสำนักงาน ขณะเดินทาง หรือทำกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ รูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้สื่อถึงความรู้สึกสบายที่มาจากภายใน ด้วยรูปโฉมภายนอกตัวถังที่เรียบลื่นไหล มีเส้นสายที่เฉียบคมเข้ากันได้ดีกับรูปลักษณ์ที่ดูโอ่อ่ากลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ พื้นที่ห้องโดยสารภายในกว้างขวางเป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าของนิสสันซึ่งรวบรวมชิ้นส่วนขนาดเล็กและแบตเตอรี่แบบSolid-state ไว้อย่างกะทัดรัด และลงตัว เพื่อให้เกิดนวัตกรรมยานยนต์ที่มีความสร้างสรรค์ขณะที่คอนโซลเหนือศีรษะและไฟส่องสว่างมีลวดลายแบบคูมิโกะและโคอุชิ อันเป็นลักษณะเฉพาะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่สร้างความรู้สึกหรูหราในขณะที่พื้นห้องโดยสารประกอบด้วยแผงLED แสดงภาพคล้ายแม่น้ำและท้องฟ้าช่วยสร้างความผ่อนคลายที่ผสมผสานสไตล์ที่มีทั้งความเป็นดิจิทัลและความธรรมชาติเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
รถยนต์ต้นแบบคันนี้มาพร้อมกับระบบควบคุมการขับขี่e-4ORCE จากนิสสันจะช่วยควบคุมล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำทั้งตอนเร่งและชะลอความเร็วด้วยการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้เวลากับเพื่อนร่วมทางได้อย่างเต็มที่เบาะหน้าสามารถปรับหมุนได้360 องศาช่วยให้ผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลังสามารถหันมาพูดคุยกันได้อย่างสะดวกผู้โดยสารตอนหลังสามารถใช้จอแสดงผลแบบสวมใส่ (wearable display) เพื่อดูและใช้งานระบบนำทางและควบคุมเครื่องเสียงบนจอแสดงผลตรงกลางเบาะหน้าช่วยให้ผู้โดยสารทุกคนรู้สึกสะดวกสบายและมีส่วนร่วมในการเดินทางนอกจากนี้ระบบAI สามารถตรวจจับข้อมูลแบบไบโอเมตริคbiometrics อาทิคลื่นสมองอัตราการเต้นของหัวใจการหายใจและเหงื่อสามารถเลือกเพลงอัตโนมัติและปรับบรรยากาศในห้องโดยสารให้เหมาะกับอารมณ์ในช่วงนั้นๆ